ก็เรียบร้อยโรงเรียน “เศรษฐา” ไปแล้ว กับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่มียอดวงเงินรวมกว่า 3.48 ล้านล้านบาท หลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ใช้เวลาพิจารณากัน 3 วัน มีการปรับลดงบฯลงรวม 9,204.1 ล้านบาท ตามความเห็นของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 สุดท้ายที่ประชุมสภาฯผ่านฉลุย ด้วยคะแนน 298 ต่อ 166 เสียง

ในภาพรวมของการอภิปรายถือว่าเรียบร้อยดี ไม่ได้มีข้อมูลอะไรให้หวือหวามากมาย เพราะเป็นเพียงเวทีซ้อมย่อยของพรรคฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคก้าวไกลที่ส่ง สส.หน้าใหม่ลองชิมลางอภิปรายในเวทีใหญ่ในสภาฯ อย่างเวทีงบประมาณนี้

แต่ถ้าได้ติดตามกันดีๆ มีหลายชุดข้อมูลที่ สส.พรรคก้าวไกล นำมาอภิปรายชี้ให้เห็นถึงความไม่ชอบมาพากลในการจัดสรรงบประมาณของบางหน่วยงาน โดย คุณศิริกัญญา ตันสกุล มือเศรษฐกิจของก้าวไกล ที่ตั้งข้อสังเกตถึงภาพรวมของการใช้งบไปพลางก่อนของรัฐบาลว่า ผอ.สำนักงบประมาณ อนุมัติไปแล้ว 1.8 ล้านล้านบาท ถือว่าเกิน 50% ของวงเงินงบฯ 3.48 ล้านล้านบาท

กลับกลายเป็นว่าเป็นรัฐบาลเองที่ขาดประสิทธิภาพในการเบิกจ่าย โดยเฉพาะรายจ่ายเพื่อการลงทุน ที่อนุมัติไปได้แค่ 155,483 ล้านบาท หรือแค่ 55% ในช่วงที่รัฐบาลชุดนี้บริหารงานมาเกือบๆ 6 เดือน

รวมถึงข้อกังวลเกี่ยวกับ การประมาณการรายได้ที่อาจผิดพลาดสูงเกินจริงเกิน 1 แสนล้านบาท ขณะที่มีการตั้ง งบกู้ชดเชยขาดดุลไว้ที่ 6.93 แสนล้านบาท โดยวงเงินกู้เต็มเพดานอยู่ที่ 7.9 แสนล้านบาท จึงควรจัดสรรลำดับความสำคัญใหม่ หรือปรับงบลงเล็กน้อยเพื่อให้สถานะทางการคลังของประเทศไม่สะดุด หรือมีปัญหา

แน่นอนว่า พรรคฝ่ายค้านมุ่งตั้งข้อสังเกตไปที่ฝ่ายความมั่นคง โดยเฉพาะ กอ.รมน. สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ ที่มีภารกิจงานทับซ้อนกันอยู่มาก ผมก็เพิ่งทราบจากปากของ คุณจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง นี่แหละว่า มีการตั้งงบจ้างเหมาลำเครื่องบินพาณิชย์ของเอกชน 12 เดือน 190 ล้านบาท เพื่อขนส่งกำลังพลจากภาคต่างๆ ลงไปสับเปลี่ยนหมุนเวียนกำลังในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งๆที่เรามีเครื่องบินลำเลียงขนาดใหญ่อย่าง C-130 ประจำการอยู่ทั้ง 3 เหล่าทัพ

...

หรือที่คุณฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.พรรคไทยสร้างไทย จับไต๋การปรับลดงบกระทรวงกลาโหมลง 2,485 ล้านบาท แต่เอาไปซ่อนอยู่ในงบผูกพันปี 2568-2570 ที่เป็นโครงการใหม่รวม 36,231 ล้านบาท เป็นของกองทัพเรือ 20,879 ล้านบาท กองทัพบก 9,641 ล้านบาท กองทัพอากาศ 5,709 ล้านบาท

หรืองบ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ที่ถูก สส.พรรคก้าวไกลรุมแฉมีการตั้งงบจัดซื้อ ฮ.ดับเพลิง KA-32 จำนวน 1 ลำ มูลค่า 949 ล้านบาท ทั้งที่มีอยู่แล้ว 4 ลำ แถมยังไม่ค่อยได้นำออกมาปฏิบัติภารกิจสักเท่าไหร่ และยังไปซ้ำซ้อนกับภารกิจของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) อีก

นอกจากนี้ ปภ.ยังมีการตั้งงบจัดซื้อ รถผลิตน้ำดื่ม ขนาด 2 พันลิตรต่อชั่วโมง อยู่นอกบัญชีมาตรฐานไม่มีราคากลาง จำนวน 120 คัน ราคาคันละ 7.5 ล้านบาท ตั้งงบผู้พันปี 2567-2568 รวม 900 ล้านบาท ซึ่ง สส.ก้าวไกลก็ไปสืบราคาจากบริษัทเอกชนชั้นนำเกี่ยวกับระบบประปา พบว่า รถที่มีสเปก ยี่ห้อ และระบบแบบเดียวกัน ราคาตกคันละ 3.1 ล้านบาท ถ้าโครงการผ่านส่วนต่าง 522 ล้านบาท เกินกว่า 50% นี้ มันไปตกหล่นอยู่ที่ไหน

ยังมีข้อมูลที่น่าสนใจตลอดการอภิปราย 3 วัน ของหน่วยงานต่างๆ แม้ นายกฯเศรษฐา ทวีสิน จะยืนยันกลางห้องประชุมหลังร่าง พ.ร.บ.งบฯผ่านสภาว่า “นโยบายมาตรการ และงบประมาณที่ได้รับการอนุมัติจะนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ และแผนงานที่กำหนด โดยรัฐบาลจะกำกับดูแลติดตามการใช้จ่ายให้มีความโปร่งใส และบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามนโยบายที่กำหนดไว้”

ก็ยังไม่มีหลักประกันอะไรให้ประชาชนมั่นใจว่า มันจะไม่เกิดการรั่วไหลระหว่างทาง แม้จะมีคำพูดว่า “เงินหลวงตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้” แต่ก็อย่างที่รู้กันพวกเสือหิวเสือโหยอดอยากปากแห้ง รอใช้กันน้ำลายสอ ยิ่งงบฯปี 67 เหลือเวลาการใช้ไม่ถึง 2 ไตรมาส ที่น่าห่วงสุดคือการเบิกจ่ายจัดซื้อด้วยวิธีพิเศษ มีช่องให้รั่วไหลเต็มไปหมด

ต้องจับตาว่า นายกฯเศรษฐาจะกำกับดูแลให้เงินทุกบาททุกสตางค์ถูกใช้อย่างโปร่งใส และบรรลุผลสัมฤทธิ์ ตามที่ท่านประกาศเอาไว้กลางสภาฯได้หรือไม่ ผมล่ะเสียวจริงๆ บทเรียนในอดีตยังคงเป็นภาพจำว่าขั้วการเมืองนี้ “ภูมิคุ้มกันคอร์รัปชันบกพร่อง” จริงๆ.

เพลิงสุริยะ

คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม