ข่าวคราวเกี่ยวกับโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต เงียบหายไปนาน จนคนส่วนใหญ่อาจเชื่อว่าล้มเสียแล้ว แต่กลับมาเป็นข่าวอีก เมื่ออดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร พูดถึงปัญหาเศรษฐกิจขณะนี้ มันยากกว่าสมัยวิกฤติต้มยำกุ้ง มีความซับซ้อนมากกว่า จะต้องให้กำลังใจข้าราชการ และฝ่ายการเมืองก็ต้องร่วมมือกัน

นายทักษิณพูดถึงเรื่องนี้ ในวันที่ “บังเอิญ” ได้พบนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ที่เชียงใหม่ และถูกนักข่าวถามว่าจะช่วยรัฐบาลอย่างไรในเรื่องเศรษฐกิจมี สส.พรรคเพื่อไทยคนหนึ่งชี้แจงว่า นายทักษิณพูดด้วยความห่วงใยบ้านเมือง ไม่ต้องการชี้ว่าเศรษฐกิจวิกฤติ เพื่อผลักดันโครงการเงินดิจิทัล

จะพูดด้วยความมุ่งหวังอะไรก็ตาม นายกรัฐมนตรียืนยันแล้วว่าประชาชนจะได้รับแจกเงินหมื่นแน่ในเวลาไม่นานเกินรอ หลังจากต้องพบปัญหามากมาย ต้องลดจำนวนผู้รับแจกเงินจาก 56 ล้านคน เหลือ 50 ล้านคน ทั้งยังถูกท้วงติงและคัดค้านจากหลายฝ่าย เช่น ป.ป.ช.และธนาคารแห่งประเทศไทย

“วิกฤติต้มยำกุ้ง” เป็นวิกฤติเศรษฐกิจที่ร้ายแรงที่สุดของประเทศไทย เกิดขึ้นเมื่อปี 2540 ไทยได้รับเกียรติว่าเป็น “ต้นตอ” นักวิชาการต่างชาติบางคนจึงเรียกว่า “วิกฤติเงินบาท” เกิดขึ้นในช่วงที่ประเทศเปิดเสรีการเงิน ลุกลามจากไทยสู่มาเลเซีย เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ ลามถึงรัสเซียและละตินอเมริกา

สาเหตุสำคัญเพราะไทยเปิดเสรีเงินเข้าออกได้เสรี ตั้งอัตราการแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์ต่อ 25 บาท นักเก็งกำไรจึงฉวยโอกาสโจมตีค่าเงินบาท เช่น ใช้ดอลลาร์ ซื้อเงินบาทได้ 24,000 ล้านบาท สัปดาห์ต่อมาเมื่อค่าเงินบาทลด เขาใช้เงินแค่ 600 ล้านดอลลาร์ แลกเงินบาทได้ 24,000 ล้านบาท

ฟันกำไรได้ถึง 400 ล้านดอลลาร์ เป็นกำไรระดับมหาศาลและใช้เวลาไม่นาน แต่ค่าเงินบาทพังทลาย จากที่เคยแลกได้ 1 ดอลลาร์ต่อ 25 บาท ต้องใช้ถึง 40–50 บาท รัฐบาลไทยต้องขอพึ่งเงินกู้จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ที่มีนโยบายให้ไทยปิดธนาคารที่อ่อนแอ ธนาคารและธุรกิจล้มระนาว

...

คนไทยนับล้านๆคนตกงานในทันที ผู้คนได้รับความเดือดร้อนเกือบโดยถ้วนหน้า นี่คือบทเรียนราคาแพงของการแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยวิธีทางการเมือง เศรษฐกิจไทยสะบักสะบอมอยู่นานหลายปี จึงลืมตาอ้าปากได้ รัฐบาลในปัจจุบันเหมือนจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยการแจกเงินหาเสียงหรือไม่.

คลิกอ่านคอลัมน์ "บทบรรณาธิการ" เพิ่มเติม