สื่อออนไลน์เกือบทุกสำนักรายงานตรงกัน เมื่อช่วงบ่ายของวันพุธที่ 13 มีนาคมว่า นิตยสาร “ไทม์” ของสหรัฐอเมริกา ฉบับวันที่ 25 มีนาคม ได้นำภาพของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ของประเทศไทย ขึ้นหน้าปก พร้อมกับลงบทสัมภาษณ์อย่างละเอียดพอสมควร หลายหน้าในฉบับเดียวกัน

จากข่าวที่ “ไทยรัฐออนไลน์” นำลงไว้มีข้อความบางช่วงบางตอน ที่น่าสนใจ ผมขออนุญาตคัดลอกมาลงต่อดังนี้ครับ
“นิตยสาร Time (ไทม์) ขึ้นปกเศรษฐา ทวีสิน นายกฯคนใหม่ของไทย ยกเป็น “The Salesman (เดอะเซลส์แมน) ที่พยายามชักชวนชาวต่างชาติให้มาทำธุรกิจ หวังพลิกฟื้นเศรษฐกิจของไทย”

“นิตยสารทรงอิทธิพลในสหรัฐอเมริกาฉบับวันที่ 25 มีนาคม 2024 สัมภาษณ์นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทย โดย Charles Campbell โดยพาดหัวปกยกให้เป็น “เดอะเซลส์แมน” พร้อมพาดหัวย่อยเชิงตั้งคำถามว่า นายกรัฐมนตรีไทยคนใหม่กำลังลงมาทำธุรกิจ แต่เขาสามารถเยียวยาประเทศชาติได้หรือไม่?”

ไทม์เกริ่นนำบทความนี้ไว้ว่า...“มีโอกาสเป็นศูนย์ เหล่าที่ปรึกษายืนยันในการขึ้นมาบนชั้นสองของทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นอาคารสไตล์เวนิสโกธิกที่มีความเข้มงวดสำหรับการทำงานของราชการเท่านั้น นักข่าวและแม้แขกผู้มีเกียรติจะได้รับอนุญาตเฉพาะเดินชมภาพสีนํ้าและเครื่องประดับหินอ่อนที่บริเวณชั้นหนึ่งเท่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่เหนือบันไดใหญ่ขึ้นไปถูกจำกัดไปหมด”

“แต่นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ใช้เวลาเพียงไม่นานในการเปลี่ยนกฎเกณฑ์ที่ขรึมขลังนี้ เรียกผม (ชาร์ลส์ แคมป์เบลล์) ไปยังห้องทำงานบนชั้นสอง ให้ข้าราชการออกไป และนั่งคุยกันเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงโดยไม่ต้องมีโพย”

ครับ! หนึ่งชั่วโมงโดยไม่ต้องมีโพยนั้น ท่านนายกฯเศรษฐากล่าวอะไรกับนายชาร์ลส์ แคมป์เบลล์ ไปบ้าง และนายชาร์ลส์เขียนเอาไว้อย่างไรบ้าง...คงต้องไปหาอ่านต่อเอาเองละครับ

...

ให้ผมเดาผมก็เดาว่า เขาก็คงจะนำลงในประเด็นสำคัญๆที่ท่านนายกฯเศรษฐาให้สัมภาษณ์เขาเป็นส่วนใหญ่ และก็คงจะสอดใส่เกร็ดบางเรื่องบางประเด็นที่อาจเป็นข่าว โดยท่านนายกฯอาจไม่ได้พูดเอาไว้บ้าง ตามสไตล์การเขียนข่าวแบบตะวันตกโดยทั่วๆไป

แต่ไม่ว่าจะออกมาแนวไหน ผมก็ว่าน่าจะมีประโยชน์แก่ประเทศไทยพอสมควร ในเชิงโฆษณาประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้นักลงทุนต่างประเทศมาลงทุนในบ้านเราไม่มากก็น้อย

แน่นอนการลงทุนจริงๆด้วยเงินก้อนโตจริงๆคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะนักลงทุนไม่ว่าชาติไหน ประเทศไหน เขาก็ต้องคิดต้องคำนวณทั้งนั้นว่า จะคุ้มไหม? ถ้าเขาจะมาลงทุนบ้านเรา

จึงอาจเป็นไปได้ที่ลงท้ายแล้ว การเดินสายเป็นเซลส์แมนของท่านนายกฯอาจจะจบลงโดยไม่มีใครมาลงทุนมากนัก...หรืออาจจะแค่มาดูเสียหน่อยแต่ไม่ลงทุนจริงจังอะไร?

ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ผมว่าการที่ท่านทำหน้าที่เซลส์แมนให้แก่ประเทศนั้น เป็นเรื่องถูกต้องแล้ว...และหลายโครงการก็เป็นโครงการเก่าที่ต่อเนื่องมาจากรัฐบาลก่อนๆ...ท่านก็ช่วยแนะนำลูกค้าต่างประเทศอย่างเต็มที่มิใช่เจาะจงจะขายเฉพาะโครงการของรัฐบาลท่านเท่านั้น

ผมโดยส่วนตัวเคยแสดงความคิดเห็นไปในทางไม่ค่อยเห็นด้วยกับท่านนายกฯเศรษฐาอยู่หลายๆเรื่อง แต่เรื่องการเป็นเซลส์แมนที่นิตยสารไทม์ตั้งฉายาให้นี้ ผมเห็นด้วยครับ และขอบคุณท่านที่ช่วยทำหน้าที่อย่างจริงจังและตั้งใจมาโดยตลอด

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะต้องระมัดระวังอย่างยิ่งก็คือ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ก็ดี หรือการเดินสายขายของของเซลส์แมนก็ดี จะต้องได้รับการสนับสนุนด้วยดีจากฝ่ายผลิตสินค้าด้วยนะครับ

ไม่ใช่เซลส์แมนไปโฆษณาปาวๆ แต่พอลูกค้ามาดูแล้วเห็นโปรเจกต์เข้าจริงๆ ปรากฏว่า ยังไปไม่ถึงไหน เพราะฝ่ายราชการบ้านเราซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติมักทำงานล่าช้าบ้าง ไม่ค่อยตรงเป้าตรงปกบ้าง

แบบนี้เขาก็ไม่ซื้อเรา ไม่อยากมาลงทุนกับเราแน่นอน...เพราะฉะนั้นฝ่ายผลิตหรือฝ่ายดำเนินโครงการทั้งหลาย ที่นายกฯนำไปขาย จะต้องปรับปรุงตัวเอง ทำทุกอย่างให้ดี มีคุณภาพ และประสิทธิภาพด้วยนะครับ

ไม่งั้นต่อให้เซลส์แมนเก่งแค่ไหนก็ขายไม่ออกอยู่ดีล่ะน่า.

“ซูม”

คลิกอ่านคอลัมน์ "เหะหะพาที" เพิ่มเติม