"ไทยสร้างไทย" ชี้ กองทุนน้ำมันติดลบ ทะลุ 2.2 แสนล้าน นายกฯ เร่งแก้ เตือนเลิกทำนโยบายสร้างคะแนนนิยมแค่ชั่วคราว แนะ แก้ยั่งยืน ต้องกล้าปรับ "โครงสร้างพลังงาน" เลิกอุ้มทุน พลังงานขนาดใหญ่ หันมาอุ้มประชาชนแทน

วันที่ 4 มี.ค. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ทบทวนนโยบายด้านพลังงาน โดยเฉพาะการเข้าไปตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล ไม่เกินลิตรละ 30 บาท รวมถึงมติ ครม.ที่เห็นชอบปรับลดภาษีน้ำมันเบนซินลง ลิตรละ 1 บาท โดยใช้กลไกของกองทุนน้ำมันเข้าไปแทรกแซง จนทำให้สถานะล่าสุดของกองทุนน้ำมันติดลบกว่า 9.1 หมื่นล้านบาท และมีหนี้คงค้างกว่า 1.2 แสนล้านบาท

พรรคไทยสร้างไทย ได้เตือนถึงผลกระทบและปัญหาดังกล่าวมาโดยตลอด เพราะหากปล่อยไว้โดยไม่มีการแก้ไข หนี้ที่เกิดขึ้นกับกองทุนน้ำมัน อาจส่งผลเสียหายต่อประเทศในระยะยาว และในท้ายที่สุดจะต้องนำเงินภาษีของประชาชนมาชดใช้หนี้ ให้กับนโยบายที่ไม่มีประสิทธิภาพ และไม่มองการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน

พรรคไทยสร้างไทยเห็นว่าการแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วน คือการทบทวนการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตที่กระทรวงการคลังเก็บลิตรละ 5 บาทกว่า ซึ่งถือเป็นอัตราที่สูงมาก ดังนั้นรัฐบาลจะต้องมาพิจารณาใหม่ว่า อัตราเท่าใดจะมีความเหมาะสมและยืดหยุ่นต่อสถานการณ์มากที่สุด โดยอาจลดลงมาที่ลิตรละ 3 บาท เป็นเวลา 3 ปี ตามที่พรรคไทยสร้างไทยได้เสนอไปแล้ว

...

"ขอให้รัฐบาลตระหนักว่าการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ไม่ใช่ภาระทางการคลัง แต่คือการดูแลสินทรัพย์ที่สำคัญของประเทศ นั่นคือการดูแลประชาชน เมื่อประชาชนมีศักยภาพ เป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของประเทศ ก็จะสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศได้ในฐานะผู้จ่ายภาษี" คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

พรรคไทยสร้างไทยเห็นว่าการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างต้องทำตั้งแต่การกำหนดราคาหน้าโรงกลั่น ซึ่งจะทำให้ราคาค่าการกลั่นไม่แพงเหมือนเช่นหลายปีที่ผ่านมา จนทำให้ได้กำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งจะต้องมีวิธีแก้ไข แม้ไทยจะใช้วิธีอ้างอิงราคาน้ำมันสิงคโปร์ก็ตาม โดยอาจกำหนดว่าในช่วงที่สถานการณ์ราคาน้ำมันแพง อาจไม่ต้องอิงกับราคาที่ตลาดสิงคโปร์ 100% เนื่องจากไทยมีราคาขั้นต่ำที่เป็นมาตรฐานอยู่แล้ว

รัฐบาลต้องดูแลค่าไฟฟ้าให้กับพี่น้องประชาชนควบคู่ไปด้วย โดยต้องปรับค่า FT ลดค่าพร้อมจ่าย (AP) 0.70 บาท/หน่วย และลดค่าประกันความร้อน (EP) 0.30 บาท/หน่วยทันที จะสามารถลดค่าไฟฟ้า 1 บาท/หน่วย และต้องเปลี่ยนนโยบายการจัดสรรแก๊ส LNG เพื่อให้มาใช้ผลิตไฟฟ้าให้ประชาชนก่อน เพื่อลดต้นทุนค่าไฟ

พร้อมเจรจากับเอกชนที่รับสัญญาโรงไฟฟ้าเก่าใกล้ปลดระวาง ให้ดำเนินการปลดระวางเร็วขึ้น โรงไฟฟ้าใหม่ ที่ยังไม่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ หรือ COD ให้ชะลอเวลา COD ออกไปก่อน ส่วนที่รับสัญญาไปแล้วแต่ยังไม่สร้าง ให้ชะลอการสร้างออกไป และที่สำคัญต้องหยุดการให้สัมปทานโรงไฟฟ้าใหม่กับเอกชนรายใหญ่