เส้นทางอำนาจหักเหเข้าสู่บ้านจันทร์ส่องหล้า
ตามธรรมชาติของความรู้สึก และความเป็นจริง ไม่เฉพาะแค่ประเทศไทยแต่ยังรับรู้ไปถึงเพื่อนบ้าน สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน หรือสมเด็จฮุน เซน ประธานองคมนตรี กัมพูชา ยังต้องมาเยือน
เยี่ยมเยียนอาการป่วยเพื่อนเก่าอย่างนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ได้รับการพักโทษ ท่ามกลางข้อกังขามีวาระอื่นใด แม้จะบอกว่าไม่มีเรื่องการเมือง ก็ยังไม่กล้าเชื่อ
14–15 มี.ค. “อุ๊งอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เตรียมนำคณะกรรมการบริหารพรรคไปเยือนกัมพูชา ตามคำเชิญของสมเด็จฮุน เซน ประธานองคมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาชนกัมพูชา
กระชับความสัมพันธ์แฝงนัยยกระดับพรรคการเมืองของทั้ง 2 ฝ่าย
แต่ประเด็นที่ฝ่ายต่อต้านจับตาพยายามคุ้ยเขี่ยคือพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ที่ยังตกลงกันไม่ได้สักที
...
อดีตทนายส่วนตัว นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ต้องรีบมาออกตัวก่อนเลย นายทักษิณกับสมเด็จฮุน เซน ไม่ได้คุยกันเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล เพราะมีกรรมการรับผิดชอบชัดเจน ก้าวก่ายไม่ได้
หวั่นโดนจุดประเด็นให้ทัวร์ลงฟรี ฝ่ายต่อต้านจ้องเขม็งอยู่แล้ว
ปัญหาข้อพิพาท 2 ฝ่ายคาราคาซังอยู่ เพราะเอาเรื่องปักปันเขตแดนไปพันกับเรื่องแบ่งปันใช้ทรัพยากร
ไม่ใช่ใครฝ่ายเรานี่ล่ะที่มัวแต่สร้างวาทกรรมคลั่งชาติ ไม่ยอมเสียดินแดนแม้ตารางนิ้วเดียว ทั้งที่ยังไม่มีประเด็น มันเลยไม่จบเสียที
คนหวังดี เข้าใจโลกพยายามแยกส่วนคุยเฉพาะเรื่องแบ่งผลประโยชน์ ขุดเจาะน้ำมันมาใช้ เพราะหากไม่เร่งทำตอนนี้ โลกอนาคตไม่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงแล้ว จะเสียหายเท่าไหร่ มาสำนึกตอนนั้นคงไม่ทัน
ไหนๆก็ไหนๆ รัฐบาลเพื่อไทยก็อาศัยความสัมพันธ์ที่ดีไปแผ้วทางไว้ก่อน สร้างประโยชน์ชาติฟาดเครดิตไปเลย
“อุ๊งอิ๊งค์” ได้จังหวะโชว์ศักยภาพว่าที่ผู้นำประเทศในอนาคตด้วย
บารมีบ้านจันทร์ส่องหล้าเฉิดฉายมากขึ้น สวนทางกับทำเนียบรัฐบาลเหมือนตะวันกำลังตกดิน
ปมนายกฯ 2–3 คน ถูกหยิบมาด้อยค่า “นายกฯนิด” นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง ไม่เว้นวัน เป็นมนุษย์ไม่ใช่พระอิฐพระปูนต้องรู้สึกกันบ้าง
ตอบคำถามนี้แทบทุกวัน และเหตุการณ์ตรงหน้ามันก็ตอกย้ำชัดเจน
ถนนทุกสายมุ่งสู่บ้านจันทร์ส่องหล้า บรรดารัฐมนตรีแห่แหนกันไปจน “นายกฯนิด” ต้องออกมาบอกเองว่าอนุญาตให้รัฐมนตรีสามารถเข้าหานายเก่าได้
พยายามสื่อสารให้เห็นความใจกว้างเป็นคนไฟเขียวให้เสนาบดีไปพบนายใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้า ตามธรรมเนียมสังคมไทย
แต่เจตนาแฝงของรัฐมนตรีแต่ละคนชั่วโมงนี้คือหวังได้ดิบดีรักษาเก้าอี้รัฐมนตรีหรือมีตำแหน่งใหญ่ขึ้น
เพราะกลิ่นปรับ ครม.โชยเตะจมูกชัดขึ้นทุกที รัฐบาลทำงานมา 5-6 เดือนแล้ว งบฯก็กำลังจะออกในจังหวะที่รัฐบาลต้องเร่งปั่นงาน ดังนั้นยังไงก็ต้องปรับโฉมหน้า ครม.ให้ดูดีแน่ ขืนใช้ชุดเดิม ความรู้สึกมันไม่ได้
น่าเห็นใจ “นายกฯนิด” ถูกมองข้าม แต่ก็เป็นเรื่องที่ต้องทำใจยอมรับ เพราะขาลอยไม่มีฐานการเมือง
น่าห่วงใยจับตามากกว่าคืออำนาจเชิงบริหารที่รัฐบาลต้องการผลงานเร่งด่วน หากยังเกิดอาการเครื่องรวนบ่อยๆ เช่น กรณีรัฐมนตรีงัดข้อขัดแย้งกันแต่นายกฯสยบไม่ลง คงเสียทรงแน่
แต่เหนืออื่นใดหากจะเกิดอุบัติเหตุ หรือความผิดพลาดอะไร มันจะเกิดจากสนิมเนื้อใน ฝีมือตัวเองมากกว่า
ปัจจัยภายนอกเป็นเพียงของปลอม แต่โหมกระพือกันหนักข้อ
ข่าวลือทวงดีลลับ ปล่อยข่าวเปลี่ยนตัวนายกฯก่อน สว.หมดวาระเดือน พ.ค. มันดูยากเกินไป แม้จะเห็นอาการใจบันดาลแรงของบางคนกลับมาอีกครั้ง แต่ก็เป็นแค่ความอยากของบางกลุ่ม บางพรรคเท่านั้น
ไม่ได้มาจากภายในพรรคเพื่อไทย หรือในรายของ “อุ๊งอิ๊งค์” แน่ เพราะเปลี่ยนตัวนายกฯตอนนี้ไม่ได้ส่งผลบวกอะไร ทั้งยังเสียหายมากกว่า
แม้รัฐบาลจะมีเสียงทะลุ 300 เสียง แต่ในใจกลับรู้สึกว้าเหว่ วาบหวิวไม่ปลอดภัย
เพราะเป็นรัฐบาลปันอำนาจ ถูกจับมัดด้วยเงื่อนไขผลประโยชน์ เพื่อไทยยังอยู่ในเขตแดนตัวประกัน
เป็นแกนนำแต่ไม่สามารถสั่งการเบ็ดเสร็จ หนำซ้ำยังถูกบีบมากกว่า
ยังไม่เห็นโอกาสทำแต้มบวก เห็นแต่แนวโน้มแต้มลบ
ทรงไม่ดี ไม่เหมาะเปลี่ยนตัว ปล่อยให้ “นายกฯนิด” ลุยต่อไปยาวๆ.
ทีมข่าวการเมือง