“พิธา” ร่วมกับ “ศุภปกรณ์” สส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล เปิดเวทีรับฟังปัญหาที่ดิน ชี้ หน่วยงานรัฐถือแผนที่คนละฉบับ-ทับซ้อนกับที่อยู่ประชาชน มุ่งผลักดันท้องถิ่นมีอำนาจตัดสินใจ ลดปัญหาคอขวดจากส่วนกลาง

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคก้าวไกลเปิดเวทีรับฟังปัญหาที่ดินประชาชน ที่วัดโบสถ์ อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก โดยมีตัวแทนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานราชการ และประชาชน มาร่วมสะท้อนปัญหาเป็นจำนวนมาก

จากนั้น นายศุภปกรณ์ กิตยาธิคุณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พิษณุโลก เขต 5 (อำเภอชาติตระการ นครไทย และวัดโบสถ์) พรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า เขต 5 มีพื้นที่รวม 5,132 ตารางกิโลเมตร ถือเป็นเขตเลือกตั้งที่ใหญ่มาก พื้นที่เท่ากับจังหวัดราชบุรี แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเท่ากับการเป็นพื้นที่ถูกห้ามพัฒนาเพราะอยู่ในเขตพื้นที่ป่า ทำให้การพัฒนาสาธารณูปโภค โครงสร้างพื้นฐาน การชลประทานเพื่อบริการประชาชน เป็นไปอย่างยากลำบากและไม่เพียงพอ รวมถึงยังมีประชาชนจำนวนมากอาศัยอยู่ในพื้นที่เขตป่าสงวน ทำให้มีเอกสารสิทธิในที่ดินของตนเองเพียงประมาณร้อยละ 20 เท่านั้น

...

ทางด้าน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ขึ้นกล่าวต่อไปว่า ในระยะสั้น ข้อแรก ตนจะนำปัญหาที่ประชาชนร้องเรียนไปฝากให้ทางคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร ดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อไป

ข้อสอง เราพบว่าหน่วยงานราชการต่างๆ ถือแผนที่คนละฉบับกัน ทำให้ที่ดินเกิดการทับซ้อนกัน เช่น ในหลายพื้นที่เป็นพื้นที่ป่าสงวน แต่ในความเป็นจริงแล้วคือป่าสงวนที่มีลักษณะเสื่อมโทรม มีประชาชนและชุมชนเข้าไปอาศัยอยู่แล้ว โดยตามตัวเลขที่ กมธ.ที่ดินฯ ได้มา เชื่อว่ามีแนวเขตตามกฎหมายป่าสงวนที่ดูแลโดยกรมป่าไม้ 60 กว่าล้านไร่ คงสภาพป่า 40 กว่าล้านไร่ กลายเป็นป่าเสื่อมโทรม เป็นที่ทำกินราษฎร และไม่มีสภาพเป็นป่าแล้วประมาณ 21 ล้านไร่

“เราจะผลักดันให้หน่วยงานท้องถิ่นมีอำนาจในการตัดสินใจว่าจะอนุญาตให้มีการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ไฟฟ้าและน้ำประปาหรือไม่ แทนที่จะเป็นอธิบดีกรม หรือรัฐมนตรีประจำกระทรวง ที่นั่งอยู่ที่กรุงเทพฯ เพื่อลดปัญหาการติดขัดคอขวดในการตัดสินใจ”

นายพิธา ระบุต่อไปว่า ในระยะกลาง เราพบว่ารัฐถือครองที่ดินทั่วประเทศมหาศาล แต่ขณะเดียวกันในรัฐบาลคณะรัฐประหาร ก็ยังมีนโยบายทวงคืนผืนป่าจากประชาชน ทำให้ประชาชนมีที่ดินน้อยลงอีก แม้ว่ารัฐจะยังใช้ที่ดินของตนเองไม่เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้น เราจึงเสนอให้รัฐนำที่ดินที่ตนถืออยู่แล้วมาบริหารจัดการใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด คงพื้นที่และฟื้นฟูป่าจากพื้นที่ที่ตนเองถือ โดยตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ ที่ดินราชพัสดุทั่วประเทศประมาณ 12 ล้านไร่ เป็นของกองทัพไปแล้วครึ่งหนึ่ง หรือรวมพื้นที่แล้วเทียบเท่าพิษณุโลกทั้งจังหวัด

ทั้งนี้ ในระยะยาว พรรคก้าวไกลมีแผนจะปฏิรูปกฎหมายเกี่ยวกับที่ดินทั้งระบบ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ข้อเท็จจริงในปัจจุบัน ขอให้พี่น้องประชาชนติดตามความคืบหน้าในการทำงานของพรรคก้าวไกลและสภาผู้แทนราษฎรเร็วๆ นี้ 

อย่างไรก็ตาม ภายหลังเสร็จเวทีรับฟังปัญหาที่ดิน มีประชาชนจำนวนมากรอต้อนรับและให้กำลังใจ นายพิธา และพรรคก้าวไกล ที่ตลาดเทศบาลวัดโบสถ์ โดย นายพิธา กล่าวขอบคุณสำหรับกำลังใจ พร้อมทิ้งท้ายว่า “ขอให้ร่วมยืนเคียงข้างก้าวไกลและเดินไปด้วยกัน ก้าวไกลไม่ทิ้งประชาชน ประชาชนไม่ทิ้งก้าวไกล”