นายกฯ ปลื้มความสำเร็จกระแสตอบรับโครงการ “30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว” สั่งเร่งเดินหน้าต่อระยะที่ 2 อีก 8 จังหวัด Kick off มี.ค.67 เตรียมขยายผลทั่วประเทศ เพื่อสุขภาพ คุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทย

วันที่ 20 ก.พ. 67 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เผยถึงผลความสำเร็จของกระแสตอบรับที่ดีมากจากโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ระยะที่ 1 ใน 4 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ แพร่ ร้อยเอ็ด เพชรบุรี และนราธิวาส ประชาชนพึงพอใจในการเข้าถึงบริการได้ง่ายขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีจึงสั่งเร่งเดินหน้าโครงการฯ ระยะที่ 2 ใน 8 จังหวัดเพิ่มเติม ได้แก่ เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ สิงห์บุรี สระแก้ว หนองบัวลำภู นครราชสีมา อำนาจเจริญ และพังงา ตั้งเป้า Kick off เดือนมีนาคม 2567 พร้อมเตรียมขยายผลทั่วประเทศภายใน 1 ปี เพื่อขยายการอำนวยความสะดวกให้ประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำ ให้คนไทยเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้เท่าเทียม

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขานรับตามนโยบายนายกรัฐมนตรีเพื่อประโยชน์พี่น้องคนไทย ได้ยกระดับนโยบาย “30 บาท รักษาทุกโรค” สู่ “30 บาท รักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว” โดยนำร่อง Kick off ระยะที่ 1 เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2567 ใน 4 จังหวัด ได้แก่ แพร่ ร้อยเอ็ด เพชรบุรี และนราธิวาส ซึ่ง 1 เดือนของการดำเนินโครงการ พบว่า ได้รับกระแสตอบรับที่ดีอย่างมาก ประชาชนพึงพอใจการรับบริการ เนื่องจากสามารถเข้าถึงบริการได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะการส่งยาที่บ้าน ซึ่งมีการรับบริการถึง 2,288 ครั้ง การนัดหมายออนไลน์ 1,693 ครั้ง และการทำ Telemedicine 1,388 ครั้ง นอกจากนี้ยังพบว่าผู้มารับบริการโดยไม่ใช้ใบส่งตัวที่โรงพยาบาลจังหวัดทั้ง 4 แห่ง เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 3 ซึ่งอยู่ในระดับที่โรงพยาบาลรองรับการให้บริการได้ ขณะเดียวกันช่วยลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์ โดยเฉพาะงานด้านเอกสาร จากการเชื่อมโยงประวัติสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ส่วนบุคคล (PHR) นับเป็นความสำเร็จก้าวแรกในการสนับสนุนนโยบายนี้ของรัฐบาล

...

จากความสำเร็จดังกล่าว รัฐบาลเร่งเดินหน้าโครงการฯ ระยะที่ 2 เพิ่มเติมใน 8 จังหวัด ได้แก่ เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ สิงห์บุรี สระแก้ว หนองบัวลำภู นครราชสีมา อำนาจเจริญ และพังงา ตั้งเป้า Kick off ในเดือนมีนาคม 2567

“นายกรัฐมนตรีมุ่งมั่นลดความเหลื่อมล้ำ สนับสนุนประชาชนให้เข้าถึงบริการสาธารณสุขด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัย และเป็นการพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขของประเทศให้มีคุณภาพ เชื่อมั่นว่านโยบายประกันสุขภาพ 30 บาท เป็นนโยบายที่เห็นผลจริง ได้ประโยชน์ถึงประชาชน โดยนายกรัฐมนตรีขอบคุณความร่วมแรงร่วมใจ จากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ด้วยเชื่อว่าหากพี่น้องคนไทยสุขภาพแข็งแรง และมีคุณภาพชีวิตที่ดี จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศต่อไป” นายชัย กล่าว.