"นายกฯ เศรษฐา" ติดตามสถานการณ์การส่งออกและพื้นที่ศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ ด่านศุลกากร จ.นครพนม สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 ย้ำ รัฐบาลมุ่งมั่นพัฒนา จ.นครพนม เมืองรองชั้นนำให้เป็นเมืองหลักให้ได้
 

วันที่ 17 ก.พ. เวลา 11.20 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ติดตามสถานการณ์การส่งออกและพื้นที่ศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ณ ด่านศุลกากรจังหวัดนครพนม สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายธีรัชย์  อัตนวานิชย์ อธิบดีกรมศุลกากร นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เข้าร่วมด้วย

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญสรุป ดังนี้
 
นายกฯ ได้ติดตามประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของด่านศุลกากรฯ และการพัฒนาพื้นที่ ได้แก่ สถานการณ์การนำเข้า-ส่งออกสินค้าผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) การพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษนครพนม (SEZ) ที่ราชพัสดุ ความคืบหน้าโครงการก่อสร้างศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม และโครงการก่อสร้างถนนเชื่อมจากสนามบิน-มิตรภาพ 3 (นครพนม-คำม่วน) รวมทั้งรับฟังข้อเสนอของภาคเอกชนเพื่อขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาล เช่น (1) ศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) (2) การค้าปลอดการใช้กระดาษ (Paperless Trade) (3) ความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS Cross-Border Transport Agreement :CBTA) และ (4) ท่าเรือหวุงอ๋าง

...

นายกฯ สอบถามถึงสถานการณ์การนำเข้า-ส่งออกสินค้าผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 โดยเฉพาะตัวเลขการส่งออกด้วยความสนใจ รวมทั้งได้ขอให้หาแนวทางแก้ปัญหาเรื่องกรณีตู้เปล่าที่กลับมา ให้มีการนำสินค้าใส่ตู้กลับมาด้วย โดยกระทรวงพาณิชย์พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือในการที่จะนำสินค้าใส่ตู้กลับมาโดยจะประสานความร่วมมือกับผู้ประกอบการ
 
นายกฯ ขอบคุณรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนกลางและพื้นที่ที่ร่วมมือกันพัฒนาพื้นที่จังหวัดนครพนม รวมทั้งการที่ประชาชนทุกคนทำให้พื้นที่จังหวัดนครพนมเป็นพื้นที่สันติภาพและสงบสุขทั้งในประเทศและระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญทำให้เกิดการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนทั้งทางพื้นฐานและด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการนำอุปสรรคปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น มาเป็นโอกาสในการพัฒนาจังหวัดนครพนมจากเมืองรองชั้นนำให้เป็นเมืองหลักให้ได้

นายกฯ กล่าวต่อว่า จากการรับฟังปัญหาต่าง ๆ ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาด่าน เขตเศรษฐกิจพิเศษ นั้น เรื่องงบประมาณไม่ใช่ปัญหา แต่สิ่งสำคัญพัฒนาแล้วต้องเกิด Business Volume หรือปริมาณการค้าขายที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ขณะเดียวกันการที่จะพัฒนาไปได้ก็ต้องทำให้เกิดการแข่งขันกันในระหว่างพื้นที่่และจังหวัดต่าง ๆ ด้วย ทั้งหนองคาย มุกดาหาร เป็นต้น ควบคู่การลงทุน ส่วนโครงการหรือสัญญาใดที่ไม่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้จริงในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษนครพนม และทำให้จังหวัดสูญเสียโอกาสในการพัฒนาไปควรมีการพิจารณายกเลิก

นายกฯ กล่าวถึงเรื่องการลงทุนรถไฟความเร็วสูงและรถไฟทางคู่ ศูนย์ขนถ่ายสินค้าต่าง ๆ ที่จะมีการลงทุนนั้น เป็นเรื่องที่ดีและจำเป็นต้องทำ แต่ถ้าการทำเรื่องของ Single Window หรือ One Stop Service ยังไม่เกิดขึ้น การที่จะทำให้ขั้นตอนต่าง ๆ ที่ด่านประหยัดเวลาก็จะทำให้สูญเสียไปและประโยชน์ไม่มี โดยยืนยันว่าหลังจากลงพื้นที่ครั้งนี้จะมีการพูดคุยร่วมกันกับกระทรวงคมนาคม สส.ในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเรื่องค่าเช่าของกรมธนารักษ์ด้วย ยืนยันรัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการพัฒนาอย่างสูงสุด รวมถึงเรื่องการขับเคลื่อน One Stop Service ให้เกิดขึ้นจริง รวมทั้งการให้ความสำคัญกับเรื่องสันติภาพก็เป็นเรื่องที่มีความจำเป็น และเป็นกลไกสำคัญในการที่ประเทศชาติจะพัฒนาและเดินต่อไปข้างหน้าได้