เริ่มตั้งแต่วันนี้ นายกฯ สั่งการในที่ประชุม ครม. ให้ทุกหน่วยงานราชการ-รัฐวิสาหกิจ ใส่เสื้อสีเหลืองที่มีตราสัญลักษณ์ทุกวันจันทร์ หรือในโอกาสที่เหมาะสม เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา

วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบนโยบายและมีข้อสั่งการต่อ ครม. ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ให้ทุกหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ แต่งกายด้วยเสื้อสีเหลืองที่มีตราสัญลักษณ์ในทุกๆ วันจันทร์ หรือในโอกาสที่เหมาะสม แทนการแต่งกายด้วยแบบฟอร์ม โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พร้อมทั้งประดับธงตราสัญลักษณ์หน้าหน่วยงานด้วย และขอความร่วมมือไปยังประชาชน ภาคเอกชน และองค์กรต่างๆ รวมทั้งรัฐสภา และหน่วยงานความมั่นคง ในการรณรงค์ในการใส่เสื้อสีเหลืองที่มีตราสัญลักษณ์โดยพร้อมเพรียงกัน 

เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ หรือ 72 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 และให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีออกจดหมายเวียนไปยังหน่วยงานราชการ และรัฐวิสาหกิจต่างๆ เพื่อให้ปฏิบัติตามข้อสั่งการนี้โดยเคร่งครัด โดยให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงรับผิดชอบในการดูแลหน่วยงานภายใต้สังกัดให้ปฏิบัติตามด้วย

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีต่อไปว่า จากการลงพื้นที่พบปะประชาชนเพื่อติดตามการบริหารจัดการ สนับสนุนการปลูกข้าวนาปรังของกรมชลประทาน ที่สถานีสูบน้ำคลองเพรียว จ.สระบุรี และมีเกษตรกรร้องเรียนเกี่ยวกับค่าไฟฟ้าสูบน้ำมีราคาแพง เฉลี่ยไร่ละ 500 บาท โดยนายกรัฐมนตรีขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (โดยกรมชลประทาน) กระทรวงมหาดไทย (โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) กระทรวงพลังงาน (โดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน) ร่วมบูรณาการเพื่อเร่งรัดจัดทำโครงการสูบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ให้เกิดผลสัมฤทธิ์โดยเร็ว เบื้องต้นขอให้กระทรวงพลังงาน หารือร่วมกับคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เพื่อพิจารณาลดอัตราค่าไฟฟ้าเป็นกรณีพิเศษอย่างเร่งด่วนสำหรับสถานีสูบน้ำ เพื่อไม่ให้เป็นการกระทบต่อการทำการเกษตรกรรม ที่มีความจำเป็นต้องใช้น้ำเป็นปริมาณมาก 

...

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกำชับเป็นนโยบายว่าจะไม่ให้มีการเสนอวาระจร ยกเว้นเป็นเรื่องที่จําเป็น มิอาจหลีกเลี่ยงได้ และในฐานะนายกรัฐมนตรีอนุมัติให้เสนอได้เท่านั้น เนื่องจากที่ผ่านมามีเรื่องที่เสนอเป็นวาระจรค่อนข้างเยอะ และ ครม. ควรมีเวลาอ่านเอกสารวาระก่อนล่วงหน้า รวมทั้งเรื่องที่เสนอควรมีความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย เพื่อความรอบคอบและรัดกุมในการพิจารณาเรื่องต่างๆ ที่มีความสําคัญของ ครม.