จากการตรวจสอบของวงการตำรวจปราบปราม พบว่า “แก๊งตบทรัพย์” ยังขยายวงต่อไป หลังจากที่นักร้องเรียนชื่อดังที่สุด ศรีสุวรรณ จรรยา ถูกล่อซื้อ ถูกจับได้คาหนังคาเขา ขยายผลจับกุมเพื่อนร่วมขบวนการรวม 4 คน ดร.เสกสกล หรือ “แรมโบ้อีสาน” ออกมาเปิดโปงอีก และเชื่อว่าจะขยายวงต่อไป
กลุ่ม “นักร้องเรียน” เพื่อเปิดโปงทุจริตประพฤติชั่วร้ายในวงราชการและการเมือง ได้รับยกย่องจากสังคม เพราะทำงานด้วยจิตอาสา ภาษาอังกฤษเรียกว่า “นักเป่านกหวีด” มีหน้าที่ป่าวร้องให้สังคมได้รับรู้ เพื่อจะได้ช่วยกันขจัดความชั่วร้าย แต่ต่อมามีวิวัฒนาการกลายเป็นแก๊งตบทรัพย์
เนื่องจากหน้าที่สำคัญของเหล่านักร้องเรียน คือการสืบสวนสอบสวน การตรวจสอบค้นหาความจริงของหน่วยงานของรัฐ พบในแต่ละปีหน่วยงานของรัฐทั่วประเทศมีงบประมาณมหาศาล และมีการทุจริตในโครงการจัดซื้อจัดจ้างปีละหลายแสนล้านบาท ก่อให้เกิดความโลภอยากได้เป็นเจ้าของ
ผลการสำรวจของนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ พบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ 55.50% ตอบว่าผู้เดือดร้อนต้องการ และได้รับความช่วยเหลือ จากนักร้องเรียน ผู้เดือดร้อนต้องการให้เป็นข่าว หน่วยราชการหรือเจ้าหน้าที่รัฐจึงจะใส่ใจติดตามช่วยเหลือผู้เดือดร้อน บางคนมองว่าเป็นเครื่องมือการเมือง
กลุ่มตัวอย่าง 25.65% มองว่า การร้องเรียนเป็นปรากฏการณ์ “หิวแสง” ของอาสาสมัคร 20.76% มองว่าเป็นการเสริมสร้างชื่อเสียง อำนาจบารมี ของอาสาสมัครช่วยเหลือประชาชน 48.55% เชื่อว่ามีผลประโยชน์แอบแฝง 20.08% มองว่าเป็นการเมือง และการร้องเรียนเป็นอาชีพหนึ่ง
มีเสียงวิจารณ์ว่าฝ่ายการเมืองพยายามช่วยเหลือนักร้อง ที่ถูกจับกุมดำเนินคดี โดยให้พ้นจากตำแหน่งทางการเมือง ไม่มีสถานะเป็นเจ้าพนักงานอีกต่อไป เพราะถ้าเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ จะต้องรับโทษหนัก กฎหมายอาญาบางมาตราระบุโทษ จำคุกตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต ในกรณีที่เรียกรับสินบน
...
แต่ถ้าเป็นบุคคลธรรมดา อาจโดนแค่ข้อหากรรโชกทรัพย์ รีดเอาทรัพย์ เช่นขู่ให้นำเงินกี่แสนหรือกี่ล้านมาให้ มิฉะนั้นจะเปิดโปง กล่าวหาหน่วยงานของผู้ถูกขู่ กระทำการทุจริตประพฤติมิชอบ นำภาษีอากรประชาชนไปแบ่งปันกัน อาจติดคุกถึง 7 ปี และถูกสังคมเปลี่ยนชื่อจาก “นักร้อง” เป็น “ดาวไถ”.