“ภูมิธรรม” นำทีมแถลงผลงานกระทรวงพาณิชย์ โว สินค้าเกษตรราคาดีขึ้นทุกตัว พร้อมเดินหน้าแก้ปัญหาทั้งระบบ พัฒนาศักยภาพ Smart Farmer ช่วยให้ภาคเกษตรไทยเติบโตอย่างยั่งยืน

เวลา 14.00 น. วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงข่าวที่กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ประเด็นราคาสินค้าเกษตรที่สูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ภายใต้การทำงานของรัฐบาล โดยมี นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน และคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ร่วมด้วย

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนมารับหน้าที่ดูแลกระทรวงพาณิชย์ในรัฐบาลนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ตั้งแต่เดือนกันยายน 2566 รัฐบาลนี้เริ่มต้นด้วยการประกาศเจตนารมณ์ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และขยายโอกาสให้พี่น้องประชาชน ใช้มาตรการทางการค้าทั้งหมดดูแลชีวิตความเป็นอยู่ประชาชน มีการใช้มาตรการลดราคา ตรึงราคาสินค้าที่เป็นมาตรการชั่วคราว และศึกษาโครงสร้างราคาเพื่อแก้ปัญหาในระยะยาว เราไม่อยากมาซับซิไดซ์ (Subsidize) ให้ทุกปี ไม่เช่นนั้นจะเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า จึงวางแผนแก้ไขปัญหาให้ต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาสินค้าเกษตรราคาดีขึ้นทุกตัว 

ทั้งนี้ ภาครัฐบาล โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ผลักดันดูแลสินค้าเกษตรที่เห็นชัด คือ ข้าวหอมมะลิ ข้าวเหนียว ราคาเพิ่มขึ้น 12%, มันสำปะหลัง เพิ่มขึ้น 49%, ปาล์มน้ำมัน เพิ่มขึ้น 9%, ยางพารา ยางแผ่นดิบ เพิ่มขึ้น 22%, พืชหัว เช่น หอมแดง เพิ่มขึ้น 27% และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพิ่มขึ้น 6% 

...

สำหรับแนวนโยบายการดูแลสินค้าเกษตรของกระทรวงพาณิชย์ยุคใหม่ ประกอบด้วย การวางแผนล่วงหน้า จัดการผลผลิตในแต่ละช่วงเวลา เพื่อพยากรณ์อนาคตได้ บริหารจัดการผลผลิตล่วงหน้าทำให้ราคามีเสถียรภาพ มีการใช้ความร่วมมือระหว่างกรมการค้าภายใน และไปรษณีย์ไทย ระบายสินค้าเกษตร มีการจัดทำ Directory สินค้าผลไม้ทั้งในประเทศและต่างประเทศให้ทราบทั้งปริมาณและผลผลิตของพืชเกษตรแต่ละชนิดในแต่ละพื้นที่ พร้อมวางระบบติดตามสถานการณ์สินค้าเกษตร เพื่อรับมือแก้ปัญหาล่วงหน้า มีการศึกษาโครงสร้างต้นทุนและราคาสินค้าเกษตรให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์อย่างสมดุล แก้ปัญหาทั้งระบบ มีการเพิ่มประสิทธิภาพสินค้าเกษตร เช่น พัฒนาพันธุ์ข้าว ส่งเสริมการปลูกสินค้าเกษตร แก้ปัญหาโรคใบด่างมันสำปะหลังร่วมกับภาคเอกชน เพราะมันสำปะหลัง มีความต้องการมากในตลาดโลก ไทยเป็นประเทศที่ส่งออกเป็นลำดับต้นของโลก แต่เรายังผลิตได้ต่ำกว่าความต้องการของตลาดโลกถึง 20% 

พร้อมเผยต่อไปว่า ตนได้ประชุมกับสมาคมมันสำปะหลังที่ จ.นครราชสีมา เราจะร่วมมือกับเอกชนทุกภาคส่วน แก้ไขปัญหาโรคใบด่างมันสำปะหลัง เพื่อร่วมกันหาทางออก รวมไปถึงการทำน้อยได้มาก พัฒนาศักยภาพเกษตรกร Smart Farmer ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้ภาคเกษตรไทยสามารถเติบโต เปลี่ยนแปลงได้อย่างยั่งยืน สร้างผู้ประกอบการเกษตรกรยุคใหม่ และดูแลเกษตรกรรุ่นเก่าให้ทั่วถึงก้าวทันโลก

“ทั้งหมดเกิดขึ้นได้ด้วยความเข้าใจในสินค้าและความใส่ใจในปัญหาของพี่น้องประชาชน เอาวิทยาการการบริหารจัดการ และความเข้าใจของแต่ละองค์กรทุกหน่วยงานช่วยกันแก้ไขปัญหาในทุกระยะ ขอบคุณความตั้งใจในการทำงานของกระทรวงพาณิชย์ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ใช้วิธีคิดที่นอกกรอบ หากลไกมาพัฒนาสิ่งที่เป็นอยู่ ทำให้สามารถสำเร็จได้ ถ้าเรารู้จักคิดและรู้จักทำ”