การเดินทางเยือนประเทศไทยของสมเด็จ ฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชา ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม โดยไทย-กัมพูชาตกลงจะยกระดับความสัมพันธ์เป็น “หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์” ให้ใกล้ชิดยิ่งกว่าเดิม

มีการลงนามเอ็มโอยู 5 ฉบับเพื่อขยายความร่วมมือด้านการค้า ชายแดน

ขยายความร่วมมือแก้ปัญหาฝุ่นพิษหมอกควันข้ามพรมแดนที่หนักหนาขึ้นทุกที

และข้อสำคัญ รัฐบาลไทย-กัมพูชาตกลงร่วมมือกวาดล้างแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงทางไซเบอร์ไม่ให้ใช้พื้นที่ชายแดนเป็นแหล่งทำมาหากินอีกต่อไป!!

รัฐบาลทั้ง 2 ประเทศจะร่วมกันปราบปรามขบวนการลักลอบค้ายาเสพติดที่ผลุบเข้าผลุบออกระหว่างชายแดนต่อชายแดน

และจะร่วมมือสกัดจับขบวนการขนสินค้าเถื่อนที่แหกตะเข็บชายแดน ทั้งทางบกและทางทะเลอย่างถึงลูก ถึงคน

“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่า ประเด็นใหญ่ที่สุดคือ “นายกฯฮุน มาเนต” ได้รับปากรับคำจะเร่งกวาดล้างแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต้มตุ๋นอย่างเข้มข้นจริงจัง

ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยโดยตรง

ด้าน นายกฯเศรษฐา ทวีสิน เสนอว่า รัฐบาลไทยยินดีเปิดประตูให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวเมืองไทยได้ไปเที่ยวกัมพูชาอย่างสะดวกปลอดภัยไร้กังวล

เท่ากับเช็กอินครั้งเดียวได้เที่ยว 2 ประเทศ ทูอินวัน!!

ประเด็นนี้ฝ่ายกัมพูชาจะได้ประโยชน์ไปเต็มๆ

อย่างไรก็ตาม “แม่ลูกจันทร์” ผิดหวังและผิดคาดที่การเจรจาตกลงแบ่งสมบัติใต้ทะเลมูลค่ามหาศาลกว่า 10 ล้านล้านบาท ไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร

มีแต่คำแถลงสั้นๆว่า ทั้ง 2 ฝ่ายได้หารือและตกลงที่จะกระชับความร่วมมือในด้านความมั่นคงด้านพลังงานเพื่อแสวงหาประโยชน์ร่วมกันจากทรัพยากรไฮโดรคาร์บอนในพื้นที่ทับซ้อนระหว่างสองประเทศ

...

พูดง่ายๆคือ นายกฯไทย-นายกฯกัมพูชาเห็นตรงกันว่า สถานการณ์โลกปัจจุบันส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศไทยและกัมพูชา

ทั้ง 2 ฝ่ายจึงตกลงโอเคจะหารือเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดผลประโยชน์ร่วมกันจากแหล่งก๊าซธรรมชาติในพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย

แต่ไม่มีคำว่า “โดยเร่งรีบ” หรือ “เร่งด่วน” (อย่างที่ควรจะเป็น)

ไม่มีกำหนดกรอบเวลาว่าจะต้องใช้เวลาเจรจากี่เดือนกี่ปี??

ไม่มีการแต่งตั้งให้ใครเป็นผู้รับผิดชอบเจรจาในนามรัฐบาล

ไม่มีอะไรให้เกิดความมั่นใจว่าแหล่งก๊าซธรรมชาติมหึมาในพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชาจะดูดขึ้นมาใช้ประโยชน์เมื่อใดแน่นอน??

หรือว่า...ต้องรอให้เจรจาปักปันเขตแดนเสร็จก่อน

ถึงจะเริ่มเจรจาพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติเป็นสเต็ปต่อไป??

ถ้าแบบนี้ก็ต้องชักตะพานแหงนเถ่อไปอีก 5 ปี 10 ปี

และประเทศไทยยังต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติมาผลิตไฟฟ้าต่อไปอีกหลายสิบปี

ทั้งๆที่เรามีแหล่งก๊าซธรรมชาติใหญ่บะเริ่มอยู่ใต้ทะเล

แต่กลับต้องซื้อก๊าซธรรมชาติราคาแพงหูฉี่มาปั่นไฟ ซึ่งทำให้คนไทยต้องจ่ายค่าไฟฟ้าราคาแพงไปอีกนาน

เซ็งว่ะ...บอกตามตรง.

“แม่ลูกจันทร์”

คลิกอ่านคอลัมน์ “สำนักข่าวหัวเขียว” เพิ่มเติม