"สมศักดิ์" ให้การต้อนรับ รมต.กิจการศาสนามาเลเซีย ยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแน่นแฟ้น ไทยพร้อมผลักดันโครงการสร้างเศรษฐกิจแนวชายแดน รวมถึงพัฒนา TWINCITIES เชื่อมความพัฒนาไทย-มาเลย์

เมื่อวันที่ 2 ก.พ.67 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายกิตติกร โล่ห์สุนทร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง, นายวิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี, นายฉัตรชัย บางชวด รองเลขาธิการฯ รักษาราชการแทนเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.), และ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ให้การต้อนรับ ศาสตราจารย์ ดร.ซูกิฟลี หะซัน รัฐมนตรีช่วยว่าการประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (กิจการศาสนา) แห่งมาเลเชีย และสมาชิกวุฒิสภาแห่งมาเลเซีย พร้อมคณะ ในการเดินทางเยือนประเทศไทย ในฐานะแขกของคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย

โดย นายสมศักดิ์ เปิดเผยว่า ตนมีความยินดีที่คณะเดินทางมายังประเทศไทย เพื่อแสดงความแน่นแฟ้นของทั้ง 2 ประเทศ ที่มีมาอย่างยาวนาน ซึ่งไม่นานมานี้ ตนก็ได้เดินทางไปพบผู้นำหลายท่านยังประเทศมาเลเซีย คือ ดาโต๊ะ ซะรี ฟาดิลลา ยูโซฟ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีเพาะปลูก ดาโต๊ะ สิรี ดร.อาหมัด ซาฮิด ฮาทีดี รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ซึ่งได้ความเห็นอย่างมากมาย ที่เป็นประโยชน์ ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจการค้า การร่วมมือทางคมนาคม รวมถึงความสงบสุขของทั้ง 2 ประเทศ ประกอบกับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มีการพบปะกับนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม กันบ่อยครั้ง นั่นก็ทำให้เห็นว่า ทั้ง 2 ประเทศ มีความตั้งใจพัฒนาร่วมกัน และยิ่งทำให้เชื่อได้ว่าการพัฒนาในหลายด้านของไทยและมาเลเซียจะประสบความสำเร็จ โดยเวลานี้

...

มีโครงการที่จะทำร่วมกัน เช่น TWINCITIES จับเมืองคู่แฝดชายแดนไทย / มาเลย์-สร้างด่านสะเดาแห่งใหม่ กับด่านบูกิตกายูฮิตัม–สะพานคู่ขนานข้ามแม่น้ำโกลก–การค้าชายแดน ด่านสะเดา ปาดังเบซาร์ เบตง และ สุไหงโกลก-การส่งเสริมด้านการศึกษา-และเรื่องอาหารฮาลาล เป็นต้น

ด้าน ศาสตราจารย์ ดร.ซูกิฟลี กล่าวว่า ต้องขอบคุณรองนายกฯ เป็นอย่างมากที่ให้การต้อนรับ และให้ความสำคัญกับการรักษาความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศ ตนหวังว่าในอนาคตโครงการสำคัญของไทยและมาเลเซียจะสำเร็จลุล่วง โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีของมาเลเซีย ท่านนายกรัฐมนตรี ได้แจ้งว่าการพูดคุยกับนายกฯ ของประเทศไทย มีความคืบหน้าหลายด้าน ทั้งในเรื่องการคมนาคม การศึกษา และเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีแทบทั้งสิ้น แต่สิ่งที่ตนต้องการให้ช่วยเร่งผลักดัน เรื่องอาหารฮาลาล-การศึกษา ที่จะสนับสนุนในเรื่องของสันติภาพ-การสร้างความเป็นอยู่ที่กลมกลืน-การพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวมุสลิมในประเทศไทย รวมถึงการพัฒนากลุ่มเยาวชนที่เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ ส่วนในเรื่องการสร้างสันติสุข มาเลเซียพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า เรื่องที่ท่านรัฐมนตรีนำเสนอมานั้น ขอยืนยันว่ารัฐบาลไทย
ให้ความสำคัญในทุกประเด็น โดย ศอ.บต. ลงไปกำกับดูแลในเรื่องการสร้างอาชีพ การพัฒนาการศึกษา ด้านสันติสุข เราก็มี สมช.ที่เดินหน้าด้วยความจริงใจ ขอให้ทางมาเลเซียสบายใจได้เลยว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับประชาชนทุกคน ไม่มีการแบ่งแยกการดูแลประชาชนด้วยศาสนา ทุกคนที่อยู่ในประเทศไทย ล้วนมีความเท่าเทียม