“วราวุธ” เผย พม.ส่งเจ้าหน้าที่เข้าดูแลทั้ง 2 ครอบครัว กรณีเหตุสลดเด็ก 14 ปี แทงเพื่อน เผย จ่อหารือ คกก.คุ้มครองเด็ก 1 ก.พ.นี้ ย้ำ การแก้ปัญหาความรุนแรงในครอบครัว-บูลลี่ในโรงเรียน ต้องใช้ความใส่ใจของผู้ปกครองและครู
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 30 มกราคม 2567 ถึงความคืบหน้ากรณีเยาวชนอายุ 14 ปี ใช้อาวุธมีดแทงเพื่อนจนเสียชีวิตในโรงเรียน ว่า เท่าที่ได้รับรายงานความคืบหน้าล่าสุด ยืนยันว่าเด็กที่ก่อเหตุไม่ได้อยู่ในบัญชีของเด็กพิเศษ ดังนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เราได้ทำงานร่วมกับกรุงเทพมหานคร ส่งนักจิตวิทยาและเจ้าหน้าที่ของกรมสุขภาพจิตเข้าไปร่วมทำงานด้วย มีการพูดคุยกับผู้ปกครองและเด็กผู้ก่อเหตุ ส่วนผู้ที่ถูกกระทำกำลังถูกเยียวยาทางด้านจิตใจ มีเจ้าหน้าที่เข้าไปพูดคุยอยู่ตลอด ในส่วนรายละเอียดคงต้องเป็นการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ด้วยเงื่อนไขตามกฎหมาย จะมีเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์ของ พม. ประกอบอยู่ในทุกขั้นตอน เพื่อดำเนินการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชน
ส่วนปัญหาความรุนแรงในครอบครัวที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นั้น นายวราวุธ ระบุว่า กระทรวง พม. เร่งดำเนินการตั้งแต่ที่ตนเข้ามาทำงาน สิ่งต้องเน้นคือเรื่องความสัมพันธ์ภายในครอบครัว เพราะความใกล้ชิดเป็นสายใยที่จะป้องกันเหตุ รวมถึงความเอาใจใส่ของผู้ปกครองในการพูดคุย ซึ่งจะเป็นสัญญาณว่าเด็กมีความรู้สึกเช่นไร อย่างไร
สำหรับการเสนอแก้ไขกฎหมายที่ถูกมองว่ามีอัตราโทษของเด็กและเยาวชนน้อยเกินไปนั้น นายวราวุธ กล่าวว่า มีหลายฝ่ายที่เสนอเข้ามา โดยในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ จะมีการประชุมกับคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ คงจะต้องมีการรับฟังกันว่า หากจะลดอายุของเยาวชนลงตามที่หลายฝ่ายมีข้อสังเกตนั้น จะสามารถแก้ปัญหาได้หรือไม่ อย่างไร หรือจะทำให้เด็กที่ก่อเหตุอายุน้อยลงไปอีก คงจะต้องรับฟังความเห็นจากหลายฝ่าย และหาการแก้ไขที่ดีที่สุด
...
“หน้าที่ของเราไม่ใช่ความต้องการลงโทษ แต่เราต้องการปกป้องไม่ให้เด็กเจอกับสถานการณ์ต่างๆ จนทำให้มีพฤติกรรมเช่นนี้”
นายวราวุธ ยังกล่าวถึงการแก้ปัญหาการบูลลี่ในโรงเรียนด้วยว่า คงต้องฝากทางครูและผู้บริหารสถานศึกษา เพราะการบูลลี่ในปัจจุบันบางครั้งไม่ได้แสดงออกทางวาจาหรือทางกายภาพ แต่เป็นการบูลลี่กันผ่านทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งอาจส่งผลพลอยได้เป็นความรุนแรง.