เพจเฟซบุ๊ก "สรยุทธ กรรมกรข่าว" โพสต์ข้อความ จากนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เตือนสื่อ ไม่ให้เป็นส่วนหนึ่งของ "ศาลาคนชั่วแสร้งทำดี" กาลครั้งหนึ่ง มีโมฆะบุรุษนาม "สีสากกะเบือ" ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง เที่ยวหากินตามงานวัดหลอกชาวบ้าน

วันที่ 27 ม.ค. เพจเฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว โพสต์ข้อความ จากนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เตือนสื่อ ไม่ให้เป็นส่วนหนึ่งของ "ศาลาคนชั่วแสร้งทำดี" กาลครั้งหนึ่ง มีโมฆะบุรุษนาม "สีสากกะเบือ" ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง เที่ยวหากินตามงานวัดหลอกชาวบ้าน สังคมต้องระวัง คนใกล้ตายอย่างผม ไม่เสียเวลาเล่าเรื่องโกหก

‘ชูวิทย์’ เตือนสื่อ

“กาลครั้งหนึ่ง ไม่นานสักเท่าไหร่

มีโมฆะบุรุษนาม "สีสากกะเบือ" ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง เที่ยวหากินตามงานวัดหลอกชาวบ้านไปวันๆ 

เมื่อเห็นว่าหลอกคนได้ง่าย แค่เล่าเรื่องโกหกพกลมคนก็เชื่อ จึงคิดการใหญ่ ทำตัวเป็น "คนดีศรีสังคม"

อันสังคมไทยมักเชื่อถือคน "มือถือสากปากถือศีล" แค่ทำท่ากราบไหว้พระสงฆ์องค์เจ้า คนไทยก็หลงเชื่อลีลาชี้นิ้วโกหก

อาชีพร้องเรียนแล้วแบล็กเมล์มันช่างหากินง่ายเสียเหลือเกิน

เรื่องไหนเห็นว่าจะได้สตางค์ไม่มีรีรอ ทำตัวดั่ง “พระเวสสันดรมาโปรดสัตว์” แต่ที่ไหนได้พอโปรดได้ที่ก็ตีกิน หากไม่ใช่ของแท้ย่อมหวั่นไหว

เสมือนหนึ่งในภาษากฎหมายเรียก "ขู่กรรโชก" กระตุกให้สะดุ้งแล้วรอเคลียร์ เพราะเกรงกลัวอิทธิพลคนใช้สื่อเป็นเครื่องมือ บรรดาข้าราชการกลัวหัวหดเมื่อได้ยินชื่อ "สี"

พวกสีขาวไม่อยากมีเรื่องต่อความยาวสาวความยืด จึงจ่ายดีกว่า 

ยิ่งพวกเทาๆ แทบจะรีบเอาเงินสดใส่ลังเบียร์ไปแกล้งลืมไว้ถึงที่บ้าน

สังคมมันบัดซบ คนชั่วมันถึงหากินแบบนี้ได้ 

...

ขอเตือนสื่อไม่ให้เป็นส่วนหนึ่งของ "ศาลาคนชั่วแสร้งทำดี"

มันช่างเลวกว่า "คนเลวที่ยอมรับว่าเลว"

สังคมต้องระวัง เพราะเชื่อหรือไม่ว่ารายนี้ไม่ใช่รายแรก และไม่ใช่รายสุดท้ายแน่นอน 

คนใกล้ตายอย่างผมไม่เสียเวลาเล่าเรื่องโกหก

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์

26 มกราคม 2567”