พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว. ศึกษาธิการ ออกมาโอดกาเหว่าด้วยความอ่อนเพลีย ละเหี่ยใจว่าบัดนี้ น้ำกระท่อมได้แพร่ระบาดอย่างหนักในกลุ่มเด็กวัยเรียน

เนื่องจาก “น้ำกระท่อม” หาซื้อได้ง่ายเพราะขายกันทั่วทุกซอกทุกมุม

ทำให้เด็กๆนักเรียนตั้งวงดื่มน้ำกระท่อมจนติดงอมแงม

พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวว่า เด็กและเยาวชนเป็นกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ทราบพิษภัยของน้ำต้มใบกระท่อมอย่างแท้จริง

สิ่งที่น่ากังวลใจคือ เด็กๆอาจนำน้ำกระท่อมไปผสมกับสารเสพติดชนิดอื่น ก่อให้เกิดผลร้ายต่อสุขภาพร่างกายอย่างร้ายแรง

หากดื่มน้ำกระท่อมติดต่อกันเป็นเวลานานอาจทำลายประสาท ส่งผลต่อสุขภาพจิตของเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติบ้านเมือง

พล.ต.อ.เพิ่มพูน จึงสั่งกำชับศึกษาธิการทุกจังหวัดเร่งรัดเข้มงวดกวดขันห้ามเยาวชนดื่มน้ำต้มใบกระท่อมในโรงเรียน

ขอให้ครูอาจารย์ให้ความรู้ความเข้าใจกับเด็กนักเรียนว่า “น้ำกระท่อมเป็นสิ่งเสพติด” และพิษภัยของพืชกระท่อมไม่แตกต่างจากสารเสพติดชนิดอื่นที่รุนแรง

“แม่ลูกจันทร์” เห็นด้วยอย่างยิ่งที่ พล.ต.อ.เพิ่มพูน รมว.ศึกษาฯได้เล็งเห็นพิษภัยของน้ำต้มใบกระท่อมที่กำลังแพร่ระบาด และส่งผลกระทบต่อเด็กเยาวชนในวัยเรียนซึ่งเป็นลูกหลานของเรา

แต่ขออนุญาตย้อนถามว่าพรรค การเมืองไหนที่เป็นตัวตั้งตัวตีให้ปลดล็อก “ใบกระท่อม” จากบัญชียาเสพติดเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา??

รัฐบาลไหนที่เปิดประตูให้ปลูกพืชกระท่อม หรือครอบครอง หรือซื้อขาย หรือบริโภคใบกระท่อมได้อย่างเสรี??

อ้างว่าพืชกระท่อมจะเป็น “พืชเศรษฐกิจตัวใหม่” ที่ทำให้เศรษฐกิจไทยโตขึ้นทันตา สามารถผลิตใบกระท่อมป่นส่งออกตลาดต่างประเทศสร้างรายได้อย่างมโหฬาร

...

มีการโฆษณาว่าปลูกกระท่อม 1 ต้น จะขายใบกระท่อมได้ถึง 5,400 ใบต่อปี หากมีพื้นที่ 1 ไร่ ปลูกกระท่อม 25 ต้น ขายใบกระท่อมราคา 500 บาทต่อกิโล

พื้นที่เพียงหนึ่งไร่จะมีรายได้ 2.7 ล้านบาทต่อปี!!

หากปลูกพืชกระท่อม 40,000 ไร่ จะสร้างรายได้กว่าแสนล้านบาทต่อปี!!

ทำให้ชาวบ้านแห่ปลูกพืชกระท่อม กันระเบิดเถิดเทิง

“แม่ลูกจันทร์” ไม่แน่ใจว่าประเทศ ไทยส่งออกใบกระท่อมไปขายต่างประเทศได้อย่างที่คาดไว้หรือยัง??

แต่ที่แน่ๆ เด็กไทยหัวเท่ากำปั้นหันไปล่อน้ำกระท่อมกันตรึม

หารู้ไม่ว่าใบกระท่อมมีฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดอาการง่วงซึม ล่องลอยสติปัญญาถดถอยสมองเบลอ ส่งผลร้ายต่อสุขภาพเด็กวัยเรียนที่กำลังเจริญเติบโตทั้งกายใจ

แม้จะมีกฎห้าม จำหน่ายใบกระท่อม ให้ผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี

ห้ามขายใบกระท่อมและน้ำต้มใบกระท่อมในพื้นที่วัดและโรงเรียน

แต่พื้นที่ใกล้โรงเรียนหรือรอบโรงเรียนมีน้ำกระท่อมใส่ขวดวางขายกันอย่างสบายแฮ

แต่ที่เจ็บปวดยิ่งกว่านั้น คือการโฆษณาผลดีของนโยบายปลดล็อกพืชกระท่อมเสรีจากบัญชียาเสพติด

จะทำให้คนไทยเลิกเสพยาบ้าเปลี่ยนไปเสพใบกระท่อมแทน

แต่ความจริงปรากฏชัด คนไทยเสพยาบ้ามากกว่าเดิม

แถมซดน้ำต้มใบกระท่อมและสูบกัญชาครบไตรภาคี

อาการหนักยิ่งกว่าเก่า 3 เท่าเชียวนะโยม.

“แม่ลูกจันทร์”

คลิกอ่านคอลัมน์ "สำนักข่าวหัวเขียว" เพิ่มเติม