“พร้อมพงศ์” แนะ “เศรษฐพุฒิ” ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ลงจากหอคอย มองจากข้างล่างขึ้นข้างบน รับรู้ปัญหาประชาชน แขวะ คงไม่ได้อยู่ประเทศเดียวกันถึงมองว่าเศรษฐกิจไทยไม่วิกฤติ ขณะที่รัฐบาลกำลังเร่งแก้ปัญหาโดยด่วน

วันที่ 25 มกราคม 2567 นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ที่ปรึกษา (ฝ่ายการเมือง) ของรองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) กล่าวถึงกรณี นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ยืนยันเศรษฐกิจไทยไม่วิกฤติ แค่โตต่ำ ดอกเบี้ยเป็นกลาง ว่า ดูเหมือนว่าตนกับนายเศรษฐพุฒิ จะไม่ได้อยู่ประเทศเดียวกัน ทำไมตนรู้สึกได้ว่าเศรษฐกิจไทยกำลังวิกฤติ พี่น้องประชาชนกำลังลำบาก ไม่ว่าจะเรื่องปากท้อง หนี้สิน การทำมาหากิน ที่ดูฝืดเคืองไปหมด 

ทั้งที่รัฐบาลปัจจุบันก็ทำงานอย่างเต็มที่ แต่นายเศรษฐพุฒิ กลับบอกว่าเศรษฐกิจไทยไม่วิกฤติ แค่โตต่ำ อยากรู้ว่านายเศรษฐพุฒิ ได้ลงจากตึกบ้างหรือเปล่า ดูข่าวเสพโซเชียลบ้างหรือไม่ เคยไปเดินตลาดสดตอนเช้า ไปซื้อกับข้าวตลาดเย็นเหมือนคนทั่วไปบ้างไหม มีโอกาสได้พูดคุยซึมซับรับรู้ปัญหาของพ่อค้าแม่ขายบ้างหรือยัง จะเป็นกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัด ทุกครั้งที่ตนได้มีโอกาสพูดคุยสอบถามสารทุกข์สุกดิบ ประชาชนทุกหย่อมหญ้าก็สะท้อนปัญหาเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง อยากให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาโดยด่วน 

พร้อมยกตัวอย่างถึงกรณีที่ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวและผู้ดำเนินรายการ ถามลูกเพจว่า คุณคิดว่าเศรษฐกิจไทยวันนี้วิกฤติหรือไม่วิกฤติ คนเข้ามาตอบ 200,000 กว่า ก็ยังบอกว่า วิกฤติ 93% ไม่วิกฤติ 7% ดูเหมือนนายเศรษฐพุฒิ จะเป็นคนส่วนน้อย และน่าจะเป็นส่วนที่น้อยมากๆ ถึงมองไม่เห็นปัญหาที่กำลังสะสมและรอระเบิดอยู่ สัญญาณเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่ส่งออกมา ทั้งหนี้เสีย รถถูกยึดสูงสุดในรอบ 5 ปี สัญญาณเหล่านี้ นายเศรษฐพุฒิ ไม่ได้รับบ้างเลยหรือ 

...

นายพร้อมพงศ์ เผยต่อไปว่า การที่นายเศรษฐพุฒิ บอกว่าเป็นหน้าที่ของตนที่จะต้องเผชิญกับคำวิพากษ์วิจารณ์ขณะที่รักษาความเป็นอิสระของธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่องนี้ตนเห็นว่าความเป็นอิสระของนายเศรษฐพุฒิ เทียบไม่ได้กับสิ่งที่พี่น้องประชาชน 60 ล้านคน จะต้องเผชิญ หากความอิสระที่นายเศรษฐพุฒิ อ้าง เกิดความผิดพลาดขึ้น วิกฤติต้มยำกุ้ง ปี 40 คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด

“นายเศรษฐพุฒิ อยู่บนหอคอยงาช้าง อยากให้เลิกมองจากข้างบนลงล่าง อยากให้มองจากข้างล่างขึ้นไปข้างบนบ้าง มองแบบคนรากหญ้า ชาวไร่ชาวนา ผู้ใช้แรงงาน พ่อค้าแม่ขาย ท่านก็จะเห็นสภาพรวยกระจุก จนกระจาย จะรู้ว่าเศรษฐกิจไทยวิกฤติแค่ไหน ความร่ำรวยของธนาคาร กำไรที่ท่านได้ ค่าต๋งที่ท่านเก็บก็มาประชาชนทั่วไปทั้งนั้น ท่านจะเอากำไรของธนาคารมาเป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจของประเทศไม่ได้ นายเศรษฐพุฒิ ควรออกไปซึมซับรับรู้ปัญหาของชาวบ้าน ถ้านายเศรษฐพุฒิ เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่ดีก็ควรมองความเดือดร้อนจากด้านล่างขึ้นไปข้างบน นายเศรษฐพุฒิ คุมนโยบายทางการเงิน ควรเห็นใจรัฐบาลที่คุมนโยบายทางการคลังด้วย สภาพรวยกระจุกจนกระจายเป็นปัญหาที่ค้างคามานาน รัฐบาลกำลังจะเข้ามาแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้หมดไป ทุกภาคส่วนก็ควรร่วมด้วยช่วยกัน”