“ศรีสุวรรณ” ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ยื่น กกต. เร่งนำคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญกรณี “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” ซุกหุ้น มาพิจารณาว่าต้องยุบพรรคภูมิใจไทยหรือไม่

วันที่ 24 มกราคม 2567 นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เดินทางมายื่นคำร้องที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อให้เร่งตรวจสอบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2567 มาไต่สวนว่าการรับเงินบริจาคจากบริษัทที่เป็นนอมินีของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 72 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 หรือไม่

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติ 7 ต่อ 1 วินิจฉัยให้นายศักดิ์สยาม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พ้นจากความเป็นรัฐมนตรีเนื่องจากซุกหุ้น หรือฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 187 ประกอบพระราชบัญญัติการจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ. 2543 มาตรา 4 (1) ทำให้ตำแหน่งรัฐมนตรีต้องสิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) แล้วนั้น

แต่เนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 211 วรรคสี่ ประกอบมาตรา 5 ซึ่งในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดเจนว่า ช่วงเวลาภายหลังนายศักดิ์สยาม โอนหุ้น ห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ให้นายศุภวัฒน์ ถือครองแทนนั้น หจก.ดังกล่าวมีการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้กับพรรคภูมิใจไทย ที่มีนายศักดิ์สยาม ดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรคหลายต่อหลายครั้ง

โดยในยุคที่นายศักดิ์สยาม เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม อยู่นั้น หจก.บุรีเจริญฯ ก็รับประมูลงานของกระทรวงระหว่างปี 2562-2564 รวม 104 โครงการมูลค่า 1,568 ล้านบาท จะถือเป็นการได้ประโยชน์จากการก่อสร้าง หรือประมูลงานจากรัฐ ซึ่งเงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาดังกล่าว อาจถือได้ว่าต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 184 และมาตรา 185 และหรือมาตรา 186 อันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ อาจเข้าข่ายต้องห้ามตามมาตรา 66 วรรคสอง รวมทั้งฝ่าฝืนมาตรา 72 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ที่ห้ามพรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ากรณีดังกล่าวจะถือว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ 

...

นายศรีสุวรรณ ระบุในช่วงท้ายว่า กรณีดังกล่าวจึงเป็นอำนาจหน้าที่ของนายทะเบียนพรรคการเมืองและ กกต. ที่จะต้องเร่งดำเนินการไต่สวนหรือสอบสวนให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว และหากวินิจฉัยว่าฝ่าฝืนให้เสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญสั่งลงโทษเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 10 ปี และเป็นเหตุให้พรรคดังกล่าวถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ยุบพรรคได้ ตามมาตรา 92(3) ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560