“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เผย รู้สึกเฉยๆ กับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญวันนี้ เหตุมั่นใจในฝ่ายกฎหมายพรรคก้าวไกล จากนี้จะขอทำงานเพื่อประชาชน พร้อมกลับเข้าสภาฯ หากได้ไฟเขียว ยันยังไม่มีเรื่องกลับไปเป็นหัวหน้าพรรค แจงให้สัมภาษณ์สื่อระมัดระวังมาตลอด ลั่น ไม่คิดฟ้องกลับ กกต.
วันที่ 24 มกราคม 2567 เมื่อเวลา 14.50 น. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้กลับเข้าสภาฯ ทำหน้าที่ สส. ในคดีถือหุ้นสื่อไอทีวี โดยเจ้าตัวมีสีหน้ายิ้มแย้ม ผู้สื่อข่าวจึงถามว่า รู้สึกอย่างไร โดย นายพิธา กล่าวว่า รู้สึกเฉยๆ รู้สึกปกติ จะเดินหน้าทำงานเพื่อประชาชนต่อไป ภารกิจแรกคงเป็นการแถลงแผนงานประจำปีของพรรคก้าวไกลตามที่ได้รับมอบหมายจาก นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ส่วนจะกลับเข้าสภาฯ ได้เมื่อไร คงให้คนในสภาฯ หรือวิปฯ ได้หารือกับประธานสภาฯ อีกครั้ง ว่าจะเข้าไปได้เมื่อไร หากได้เข้าไปแล้ว จะทำหน้าที่ สส. ให้เต็มที่ ให้สมกับที่รอมา
เมื่อถามว่า ที่ใช้คำว่าเฉยๆ แสดงว่ามั่นใจว่าโดยตลอด นายพิธา กล่าวว่า ครับ ก็รู้สึกปกติเหมือนทุกวัน ในใจตอนนี้คิดการทำงานต่อไป ในการลงพื้นที่อาทิตย์นี้ และการลงพื้นที่อาทิตย์หน้า และรอเวลาว่าจะเข้าสภาฯ ต่อไป
...
เมื่อถามว่า จะมีการปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารในพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า อันนี้ไม่น่าจะเป็นผลเกี่ยวข้องกัน เพราะกรรมการบริหารของพรรคก้าวไกลครบ 4 ปี ตามวาระ จึงว่าไปตามกระบวนการ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับรูปคดีในวันนี้
เมื่อถามว่า มีการเสนอตำแหน่งกลับคืนในการเป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ยังไม่มีเรื่องนี้ในตอนนี้ เมื่อถามว่า ศาลมีการเตือนเรื่องแสดงความคิดเห็น ต้องระมัดระวังอย่างไรบ้าง นายพิธา กล่าวว่า มีการระมัดระวังมาโดยตลอด โดยเฉพาะในการเตือนข้อแรกของศาล หากดูรายการของ The Standard ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ตนเองก็ได้เริ่มต้นอธิบายว่า เป็นเพราะฝั่งของตนเองที่เป็นคนขอยื่นเพื่อความละเอียดถี่ถ้วน ส่วนการให้สัมภาษณ์ก็ยืนยันว่า มีความระมัดระวังมาโดยตลอด และจะระมัดระวังต่อไป แต่บางครั้งก็มีข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และอาจไม่ถูกต้องที่อยู่ในความเข้าใจผิดของสื่อมวลชน จึงต้องมีความจำเป็นที่จะอธิบาย เพื่อไม่ให้เกิดความผิดหรือคลาดเคลื่อนในข้อเท็จจริงเท่านั้น
เมื่อถามว่า จะกลับเข้าไปทำหน้าที่ สส.ได้เมื่อไร นายพิธา กล่าวว่า ต้องรอทางศาลรัฐธรรมนูญและสภาฯ ว่าจะให้เข้าไปทำหน้าที่ เพราะเป็นเรื่องของ 2 หน่วยงาน และต้องรอทางวิปฯ ว่าจะเข้าไปทำงานได้เร็วมากแค่ไหน และกำลังให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบอยู่ หากอนุญาตก็จะเดินทางไปทันที โดยวันนี้ในสภาฯ มีการหารือเกี่ยวกับเรื่องกองทัพ ส่วนพรุ่งนี้เป็นเรื่องขยะ ส่วนข้อมูลที่ยื่นต่อศาลก็ค่อนข้างมีความมั่นใจในฝ่ายกฎหมายของพรรค
นายพิธา ยังกล่าวว่า ให้รอดูแผนของพรรคก้าวไกล เพราะมีทั้งแผนที่เป็นไตรมาสและประจำปี ส่วนจะทำการเมืองแบบไหนต้องเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ว่าจะทำงานต่อไปอย่างไรในฐานะฝ่ายค้านเชิงรุก หลังจากนี้จะกลับไปดูแผน ก็จะใช้โอกาสนี้ในการสื่อสารกับประชาชนและสื่อมวลชน
เมื่อถามว่า จะมีการดำเนินฟ้องกลับกับทางคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า “ไม่มี” เมื่อถามว่า ตอนนี้ทางสมาชิกพรรคก้าวไกลกำลังรอแสดงความยินดีที่อาคารรัฐสภา นายพิธา กล่าวว่า คิดถึงทุกคน และจะรีบกลับไปเสริมทัพและไปทำงานกับเพื่อนๆ พรรคก้าวไกลทุกคนอย่างแน่นอน หากได้ไฟเขียวให้กลับเข้าไปในสภาฯ จะเมื่อไรก็เมื่อนั้น
เมื่อถามว่า กองเชียร์ต่างตะโกนเรียกว่า นายกฯ พิธา รู้สึกอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า ตอนนี้ก็ยังเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอยู่ หากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ก็ยังเป็นคนที่อยู่ในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรี ตัวเองก็ยังเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล
เมื่อถามว่า ในวันที่ 31 มกราคมนี้ ยังมีกำลังใจในการลุ้นคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญอยู่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า แน่นอน กำลังใจยังมีเข้ามาอยู่เสมอ พร้อมกล่าวว่า ศาลไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนนาน จึงขออนุญาตก่อน
เมื่อถามว่า มองว่าเป็น 2 บรรทัดฐาน เรื่องการถือหุ้นกับทางการเมืองไทยอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า ขอฟังคำวินิจฉัยอย่างละเอียดและขอถอดเทปก่อน
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะที่นายพิธา กำลังให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน มีกองเชียร์กว่า 100 คน ต่างส่งเสียงเฮ แสดงความดีใจ พร้อมตะโกน “นายกฯพิธา”
ส่วนบรรยากาศการเดินทางออกจากศาลรัฐธรรมนูญของนายพิธา มีความชุลมุนเล็กน้อย เนื่องจากผู้สนับสนุนจำนวนมากมารอให้กำลังใจ ขอถ่ายรูป และส่งเสียงเฮเพื่อแสดงความยินดี จนนายพิธาขึ้นรถตู้ เดินทาง ออกจากศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งบรรยากาศก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
นอกจากนี้ พิธา ยังโพสต์เฟซบุ๊ก เป็นภาพและข้อความสั้นๆ ระบุ “ขอขอบคุณทุกกำลังใจครับ”
สำหรับแผนงานของ พิธา ในสัปดาห์นี้ จะมีการแถลงแผนงานประจำปีของพรรคก้าวไกล MFP's Strategic Roadmap ในวันศุกร์ที่ 26 มกราคม 2567
ภาพ : วัชรชัย คล้ายพงษ์,พีระ คูหาเรืองรอง ผู้สื่อข่าวไทยรัฐออนไลน์