วันนี้ คุณเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรัฐมนตรีคลัง จะล่องใต้ไป ประชุม ครม.สัญจร ที่ระนอง เพื่อดูพื้นที่จริงโครงการอภิโปรเจกต์ Landbridge หรือ “สะพานบก” เชื่อมทะเลอันดามันกับอ่าวไทย หวังชูไทยเป็นฮับโลจิสติกส์แข่งกับช่องแคบมะละกาของสิงคโปร์ หลายเดือนที่ผ่านมา นายกฯ เศรษฐา ได้ไปตระเวนโรดโชว์เพื่อหา นักลงทุนในหลายเวทีทั่วโลก ล่าสุด ไปโรดโชว์ในเวที World Economic Forum ที่ดาวอส ในหัวข้อ Thailnad Landbridge : Connecting ASEAN with the World ข่าวจากทำเนียบรัฐบาลว่า มีบริษัทจีน และบริษัท ดูไบ พอร์ต เวิร์ล (DP World) บริษัทท่าเรือยักษ์ใหญ่ของดูไบให้ความสนใจอย่างมาก

นายกฯ เศรษฐา ยังได้พบกับ สุลต่าน อาห์เหม็ด บิน สุลาเย็ม ประธานกลุ่มดีพีเวิร์ล ซึ่งเป็นผู้บริหารท่าเรือแหลมฉบังในไทย ข่าวจากทำเนียบ รัฐบาลบอกว่า ดีพี เวิร์ลได้แสดงเจตจำนงชัดเจนจะมาลงทุนในโครงการ แลนด์บริดจ์ และพร้อมจะเดินทางมาหารือที่ประเทศไทย และจะเดินทางไป สำรวจสถานที่จริงด้วย ถ้าเป็นจริงก็ต้องถือเป็นข่าวดีจริงๆ

ความจริงอภิโครงการ “แลนด์บริดจ์” ได้มีการรื้อฟื้นขึ้นมาใน รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 2548 ก่อนที่รัฐบาลทักษิณจะถูกทหาร ปฏิวัติในปี 2549 แล้วโครงการแลนด์บริดจ์ก็เงียบหายไป จนกระทั่งปี 2565 รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รื้อฟื้นโครงการแลนด์บริดจ์ขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุม APEC ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากนักลงทุนแต่อย่างใด จนกระทั่งมาถึงรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่มี คุณเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ ก็ได้ชู โครงการแลนด์บริดจ์ ขึ้นมาอีกครั้ง นายกฯ เศรษฐา ได้ทุ่มเทกำลังโปรโมต และ โรดโชว์โครงการแลนด์บริดจ์ครั้งใหม่นี้อย่างจริงจัง แต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับ จากนักลงทุนแต่อย่างใด ท่ามกลางเสียงค้านมากมายในประเทศที่ไม่เห็นด้วย

...

รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ได้มีการศึกษาโครงการแลนด์บริดจ์ เพื่อนำ เสนอต่อที่ประชุมคณะทำงานด้านการขนส่งของเอเปก ผลการศึกษาเบื้องต้นคาดต้องใช้เงินลงทุนสูงถึง 1.08 ล้านล้านบาท เพื่อสร้างแลนด์บริดจ์ที่รองรับตู้คอนเทนเนอร์ได้ 20 ล้าน TEU แต่ผลการศึกษา ไม่ได้มีการ ศึกษาถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เช่น แหล่งมรดกทางธรรมชาติที่เป็น แหล่งอนุรักษ์ในทะเลอันดามัน แหล่งพื้นที่มรดกโลก แหล่งพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เป็นต้น และยังไม่ได้ศึกษาถึง การเวนคืนที่ดินอีกจำนวนมาก และ การย้ายประชากรจำนวนมากออกจากพื้นที่โครงการ ฯลฯ ซึ่งจะมี ปัญหามากและต้องใช้เวลาอีกนานมากแน่นอน

ดังนั้น ไทม์ไลน์ ของ โครงการแลนด์บริดจ์ ที่ รัฐบาลเศรษฐา วาง เอาไว้ในตั้งแต่ปีที่แล้วว่า โครงการระยะที่ 1 เงินลงทุน 6.09 แสนล้านบาท จะออก พรก.เวนคืนที่ดินตั้งแต่มกราคม 2568–ธันวาคม 2569 จะเปิด รับข้อเสนอจากนักลงทุนทั่วโลกในเดือนเมษายน–มิถุนายน 2568 จากนั้นจะเสนอ ครม.เห็นชอบรายชื่อผู้ชนะการประมูลโครงการภายใน เดือนสิงหาคม 2568 และให้เอกชนที่ชนะการประมูลเริ่มก่อสร้างในเดือนกันยายน 2568 ใช้เวลาก่อสร้าง 5 ปี คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ ในเดือนตุลาคม 2573

ผมฟันธงล่วงหน้าไว้ตรงนี้เลยว่า ไทม์ไลน์นี้ไม่มีทางเป็นไปได้เลย ผมไม่เชื่อว่าตุลาคม 2573 จะเปิดใช้แลนด์บริดจ์ได้ จะสร้างได้หรือไม่ ก็ยังไม่รู้ เพราะจนถึงวันนี้ ยังไม่เห็นมีนักลงทุนประเทศไหนในโลกแสดงความสนใจที่จะเข้ามาลงทุน ทั้งที่ นายกฯ เศรษฐา ไปโรดโชว์ มาทุกเวที ทั้งที่ ญี่ปุ่น จีน สหรัฐฯ และ ดาวอส มีเพียงดีพีเวิร์ล ที่ รัฐบาลอ้างถึงเท่านั้น

เห็นไทม์ไลน์นี้ แล้วผมก็นึกถึง รถไฟความเร็วสูงไทยจีน กรุงเทพฯ-โคราช เราเริ่มโครงการก่อน สปป.ลาว แต่ก่อสร้างพร้อม สปป.ลาว วันนี้ลาวสร้างเสร็จเปิดใช้ไปหลายปีแล้ว แต่โครงการรถไฟไทยจีนเพิ่งสร้างเสร็จไปแค่ 3.5 กม. แล้ว โครงการอภิโปรเจกต์แลนด์บริดจ์กว่า 1 ล้านล้านบาท ใหญ่กว่ารถไฟไทยจีนหลายเท่า ไม่รู้จะสร้างเสร็จ ในชาติไหน ผมว่าท่านนายกฯ เอาเวลาไปทุ่มแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่หมักหมมอยู่ตรงหน้า เอาเวลาไปฟื้นฟูระเบียงเศรษฐกิจ EEC ที่ยังไม่ไปไหน ดีกว่าไปเริ่มต้นโครงการใหม่นะครับ เสียเวลา.


“ลม เปลี่ยนทิศ”

คลิกอ่านคอลัมน์ "หมายเหตุประเทศไทย" เพิ่มเติม