นายกฯ เดินชมตลาดจริงใจ ควักเงินแบงก์พัน ชิมกาแฟพื้นเมืองของภาคเหนือ สนับสนุนผลิตภัณฑ์ชุมชน ส่งเสริมคนท้องถิ่น เผย ปี 66 ตลาดนี้สร้างรายได้ให้ชุมชน 295 ล้าน
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 20 มกราคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะนักธุรกิจ เดินทางไปยังตลาดจริงใจ (JING JAI MARKET) โดยเดินเยี่ยมชมและศึกษาเมล็ดกาแฟที่เป็นผลผลิตจากเกษตรกรพื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่ และพื้นที่ข้างเคียง เช่น เมล็ดกาแฟดอยขุนวาง อำเภอแม่วาง เมล็ดกาแฟดอยขุนช้างเคี่ยน อำเภอเมือง
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับบาริสต้าเจ้าของร้าน พร้อมกับชิมกาแฟพื้นเมือง และซื้อกาแฟชิมแก้วละ 1,000 บาท โดยหลังได้ชิมนายกรัฐมนตรีกล่าวความรู้สึกว่า รสชาติแปลก ดื่มแล้วไม่เหมือนกินกาแฟ พร้อมชื่นชมรสชาติและรูปแบบการนำเสนอกาแฟ สอดคล้องกับแนวทางของรัฐบาลที่พร้อมส่งเสริมกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย รวมไปถึงภาคเกษตรกรต้นทางผลผลิต ทั้งเมล็ดกาแฟไทย และร้านกาแฟของคนไทย
...
จากนั้น นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมในโซนตลาดจริงใจ Farmers Market ซึ่งเป็นตลาดผักเกษตรอินทรีย์ที่จำหน่ายพืชผัก ผลไม้ ออร์แกนิก และปลอดสารจากเกษตรกรในจังหวัดเชียงใหม่ และพื้นที่ใกล้เคียง เช่น จากอำเภอพร้าว อำเภอสารภี อำเภอสะเมิง อำเภอดอยสะเก็ด อำเภอไชยปราการ อำเภอแม่อาย โดยภาคเอกชนได้สนับสนุนผ่านการส่งเสริม ให้ความรู้แก่เกษตรกรในการปลูกผลิตภัณฑ์เกษตรแต่ละชนิดให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค รวมทั้งเป็นตัวแทนในการรับผลผลิตเข้ามาขาย และหาช่องทางการจัดจำหน่ายไปยังตลาดและกระจายไปยังพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ ช่วยสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง ซึ่งจากเดือนมกราคม-ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา ตลาดจริงใจสามารถสร้างรายได้ให้ชุมชนได้กว่า 295 ล้านบาท
นอกจากนี้ นายเศรษฐา ยังได้เดินชมผลิตภัณฑ์จากกลุ่มตลาดสินค้าทำมือ ซึ่งได้รวบรวมช่างฝีมือท้องถิ่นไว้ในพื้นที่ถึง 190 ร้านค้า เช่น การทอผ้าท้องถิ่น การออกแบบเสื้อผ้าพื้นเมืองให้ร่วมสมัยจาก young designer ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าได้ จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวันภายในตลาดจริงใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า ตลาดจริงใจ เป็นตลาดเอกชนที่นำสินค้าชุมชน และเกษตรกรที่กลุ่มเซ็นทรัลพัฒนาให้การสนับสนุนมาขายโดยตรงให้กับผู้บริโภค ซึ่งมีทั้งสินค้าเกษตร เช่น ผัก ผลไม้ และสินค้าหัตถกรรมของชาวบ้านที่มีรายได้น้อย และไม่มีช่องทางในการจำหน่าย เช่น ผักปลอดสารพิษ กาแฟ เสื้อผ้าที่ผลิต หรือถักทอ จากกลุ่มแม่บ้าน บนพื้นที่สูง โดยขณะที่นายกรัฐมนตรีเดินเยี่ยมชม มีประชาชนมอบดอกกุหลาบสีแดงถักด้วยไหมพรม พร้อมสติกเกอร์ข้อความ “รักนายกเศรษฐา”
จากนั้นนายกรัฐมนตรี รับฟังบรรยายสรุปโครงการของกลุ่มเครือเซ็นทรัล ที่ดำเนินการซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงจาก ความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) สู่การสร้างสรรค์คุณค่าธุรกิจสู่สังคม (CSV) โดยตลอดเส้นทางมีนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความสนใจขอถ่ายรูป และทักทายนายกรัฐมนตรี ซึ่ง นายเศรษฐา ก็ได้เชิญชวนให้มาท่องเที่ยวประเทศไทย และบอกว่าประเทศไทยมีของดีอีกมาก สำหรับการพานักธุรกิจลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ในครั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวด้วยว่า “เขาไม่ได้ต้องการเงินจากท่าน แต่สิ่งที่เขาต้องการคือ Love and Attention (ความรักและความเอาใจใส่) จากทุกท่านในที่นี้”
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายเศรษฐา ยังได้โพสต์ภาพและข้อความผ่าน X (ทวิตเตอร์) ระบุว่า การทำ Business Matching ระหว่างเกษตรกรรายย่อยกับผู้ขายรายใหญ่ นำสินค้าชุมชนสู่มือผู้บริโภคโดยตรง แบบ Farm to Table เป็นการตัดตอนพ่อค้าคนกลาง ทำให้เกษตรกรมีรายได้มากขึ้น โดยตลาดจริงใจเป็นหนึ่งภาคเอกชนที่สามารถสร้างรายได้ให้ชุมชนได้กว่า 295 ล้านบาท ในที่ผ่านมา
"อีกอย่างที่ผมสนใจคือเมล็ดกาแฟ ซึ่งเป็นผลผลิตที่สร้างรายได้ให้เกษตรกรในพื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่ และภาคเหนืออย่างมาก ผมได้ชิมกาแฟจาก 1 ในร้านกาแฟจากผู้ประกอบการรายย่อยที่ร่วมงาน Chiang Mai Coffee Week รสชาติดีเลยครับ ดังนั้น หน้าที่ผมคือพาเกษตรกรรายย่อยกับผู้ขายรายใหญ่มาเจอกันให้มากที่สุดครับ"
(ภาพ : ศรันย์ พงษ์สวัสดิ์)