“สมศักดิ์” โต้ “ศรีสุวรรณ” กล่าวหาเลื่อนลอย ยัน ไม่มีทุจริตกำไลอีเอ็ม สมัยนั่ง รมว.ยุติธรรม ชี้ เคยแจง กมธ.หมดแล้ว มั่นใจ ไม่มีล็อกสเปก-ล็อบบี้ เพราะมี กก.-เทียบราคาของต่างประเทศ สงสัย ทำไมร้องซ้ำ มอบทนายฟ้องกลับทุกมุม

วันที่ 15 มกราคม 2567 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ยื่นหนังสือถึง กมธ.กิจการศาลฯ ให้ตรวจสอบการทุจริตโครงการเช่ากำไลอีเอ็ม ของกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม ในสมัยตนเป็น รมว.ยุติธรรม ว่า ตนได้ทราบเรื่องแล้ว นายศรีสุวรรณ เป็นนักร้องเรียนที่มีผลงาน แต่ในประเด็นนี้คงได้รับข้อมูลมาไม่ครบ ที่กล่าวหาว่า ตนปล่อยปละละเลยให้กรรมการทีโออาร์ และกรรมการจัดซื้อ ทุจริตกันตั้งแต่ต้นน้ำนั้น ขอยืนยันว่าไม่ใช่ข้อเท็จจริง เพราะการเช่ากำไลอีเอ็ม เป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด และไม่เคยมีการปล่อยปละละเลย เพราะได้มอบนโยบายในที่ประชุมผู้บริหารกระทรวงยุติธรรมในเวลานั้น ซึ่งมีทั้งปลัดกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมต่างๆ ให้ติดตามเรื่องกำไลอีเอ็มว่า หากการจัดซื้อจัดจ้างผิดระเบียบ ก็ให้ยกเลิกไปได้เลย เพราะตนมีเป้าประสงค์เรื่องความโปร่งใสอยู่แล้ว แต่หากทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ก็ให้เดินหน้า รวมถึงที่ผ่านมาเมื่อกำไลอีเอ็ม พบปัญหาถอดออกได้ อย่างเมื่อเดือนสิงหาคม 2562 ก็มีการตั้งกรรมการสอบอย่างรวดเร็ว สะท้อนให้เห็นว่าไม่เคยปล่อยปละละเลย

...

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่กล่าวหาว่ามีการวิ่งเต้นล็อบบี้ให้อนุมัติสัญญาจ้างนั้น ขอย้ำว่า เรื่องนี้ไม่มีการวิ่งเต้น เพราะกรมคุมประพฤติ ได้เข้าชี้แจงกรรมาธิการติดตามงบประมาณเรียบร้อยแล้ว ซึ่งกรรมาธิการฯ ก็ไม่ได้มีข้อสงสัยเพิ่มเติม หลังจากชี้แจงเสร็จสิ้นแล้ว จึงถือได้ว่าโครงการนี้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปด้วยความปกติ ตามกรอบของกฎหมาย ส่วนสเปกของกำไลอีเอ็ม ขอยืนยันว่าไม่ได้ล้าสมัย เพราะได้ผ่านการพิจารณากลั่นกรองของคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ระดับกระทรวง และกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ภาครัฐแล้ว รวมถึงได้มีหน่วยงานที่ใช้กำไลอีเอ็มอยู่แล้ว คือ สำนักงานศาลยุติธรรม ซึ่งมีผลการใช้งานเป็นที่ยอมรับ นอกจากนี้ ยังได้มีการศึกษาเปรียบเทียบจากต่างประเทศ เช่น อิสราเอล เกาหลี สหรัฐฯ ด้วย

“รัฐมนตรีไม่สามารถล็อกสเปกเพื่อช่วยเหลือใครได้ เพราะว่าสเปกถูกกำหนด โดยกรรมการและนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิ และยังต้องประกาศให้สาธารณชนทราบ รวมถึงกฎหมายกำหนดให้สเปกต้องมีบริษัทสามารถเข้าร่วมแข่งขันอย่างน้อย 3 บริษัท จึงไม่สามารถมีการล็อกสเปกตามที่กล่าวหาได้ พร้อมขอยืนยันว่ามีการเปิดโอกาสให้มีการปรับแก้สเปกของกำไลอีเอ็มอย่างเต็มที่ เพราะได้มีการประกาศเชิญชวน และเปิดเผยข้อมูลทุกขั้นตอน ผ่านระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐของกรมบัญชีกลาง เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้เข้ามาศึกษาและมีการวิจารณ์ แนะนำ ท้วงติง เกี่ยวกับคุณสมบัติ ซึ่งกฎหมายก็กำหนดให้ต้องมีการนำมาพิจารณาร่วมอยู่แล้ว รวมถึงตัวอุปกรณ์ต้องมีการแข่งขันไม่น้อยกว่า 3 ผลิตภัณฑ์ จึงไม่ใช่เป็นการปิดโอกาสในการแก้สเปกแต่อย่างใด” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการทำงานของอุปกรณ์ ที่กล่าวอ้างว่า ทำงานผิดพลาดหลายครั้งนั้น จริงๆ แล้วอุปกรณ์มีการดำเนินการปกติ แต่เนื่องจากการทำงานของอุปกรณ์มีการแจ้งเตือนเป็นจำนวนมาก และเครื่องยังต้องส่งสัญญาณเพื่อแจ้งเตือนตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งหากมีการตรวจพบการชำรุดเสียหายของอุปกรณ์ เจ้าหน้าที่ก็จะเร่งแจ้งไปยังบริษัท เพื่อนำเครื่องใหม่มาเปลี่ยนให้ทันที ส่วนที่เปิดเผยว่า มีกรรมการรับสารภาพว่าไม่ได้ร่วมประชุมและเซ็นใดๆ นั้น ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พบว่าในวันลงมติ มีกรรมการไม่เข้าร่วมเพียง 2 คน ดังนั้น การประชุมลงมติจึงไม่ถือว่าขาดองค์ประชุมแต่อย่างใด ซึ่งการร้องเรื่องนี้อีกครั้งทั้งที่มีการชี้แจงไปหมดแล้ว ก็ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งข้อสังเกตว่า มีอะไรแอบแฝงหรือไม่ เพราะอุปกรณ์ของกระทรวงยุติธรรม ก็คล้ายของศาลฯ แต่มีการพุ่งเป้าร้องเพียงหน่วยงานเดียว และข้อกล่าวหาที่ยื่น กมธ. ก็กล่าวหาแบบเลื่อนลอย ซึ่งเน้นใช้วาทกรรมเพื่อให้ดูน่าสนใจเท่านั้น แต่ข้อเท็จจริงตนขอยืนยันว่าเป็นไปตามข้อกฎหมายทั้งหมด โดยจากนี้ตนต้องขอใช้สิทธิตามกฎหมาย ซึ่งได้มอบให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการฟ้อง นายศรีสุวรรณ อย่างละเอียดในทุกกรณี