“วิสุทธิ์” โต้รวบรัดปิดจ๊อบผลศึกษาโครงการแลนด์บริดจ์ ป้อง สนข.ชี้แจงชัดเจนหมดเปลือก มีแต่ฝ่ายก้าวไกลไม่ยอมเข้าใจ ซักไซ้ลงลึกกล่าวหาไปหลอกลวงต่างชาติมาลงทุน อ้าง กมธ.พรรค ปชป.ยังลงมติเห็นด้วยเพราะมองขาดคนภาคใต้ได้ประโยชน์ แขวะ “ศิริกัญญา” อยากเป็น รมว.คลังต้องใจเย็นๆ อย่าใจร้อน หยันถ้าแพ้โหวตในสภาฯจะกล้าลาออกจาก สส.หรือไม่ “สรรเพชญ” เตือนหน่วยงานรัฐต้องตรงไปตรงมา อย่าบิดเบือนข้อมูลความคุ้มค่าของโครงการ จี้รัฐเร่งลงทุนเมกะโปรเจกต์เพิ่ม กระตุ้นการสร้างงานเพื่อรายได้คนในพื้นที่ “เสรี” โอ่ล่าชื่อได้แล้ว 80 สว. ยื่นซักฟอกรัฐบาลไม่ลงมติ แฉรัฐบาลเดินเกมสกัด หวดไม่ใช่เวทีเชือด ไม่มีการลงมติ ไม่ควรกลัว ดักคอ สว.ใกล้หมดวาระอย่าลากดึงเกม

การทำงานร่วมกันระหว่าง สส.ของพรรคเพื่อไทย (พท.) กับพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง เพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (โครงการแลนด์บริดจ์) เป็นที่น่าจับตาว่าจะยิ่งสร้างความขัดแย้งต่อกัน ขณะที่นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท.ในฐานะประธาน กมธ. ปฏิเสธไม่ได้เร่งรวบรัดสรุปผลการศึกษาโครงการแลนด์บริดจ์ จน 4 สส.ของพรรคก้าวไกลตบเท้าลาออกจาก กมธ.

วิสุทธิ์ ไชยณรุณ
วิสุทธิ์ ไชยณรุณ

...

ปธ.กมธ.โต้รวบรัดสรุปแลนด์บริดจ์

เมื่อวันที่ 14 ม.ค. นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง เพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (โครงการแลนด์บริดจ์) กล่าวถึงกรณี น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ชี้แจงถึงการลาออกจาก กมธ.วิสามัญแลนด์บริดจ์ เพราะประธาน กมธ.พยายามเร่งรัดปิดการประชุม เพื่อให้มีการลงมติผลการศึกษา ทั้งที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ไม่สามารถชี้แจงข้อมูลได้ชัดเจนว่า กมธ.เชิญ สนข.มาชี้แจงแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง เป็นหน่วยงานหลักที่มาชี้แจงบ่อยมาก ข้อมูลจนถึงวันที่ 22 ธ.ค.2566 ถือว่าเพียงพอจะลงมติสรุปผลการศึกษาได้แล้ว ส่วนที่ น.ส.ศิริกัญญาระบุเหตุใดไม่ขยายเวลาการทำงานของ กมธ.ออกไปมากกว่า 90 วัน เพราะข้อมูลทุกอย่างเพียงพอแล้ว จะต่อเวลาออกไปให้เปลืองงบประมาณประชุมทำไม ต้องการทำงานให้เสร็จเร็วที่สุด

ป้อง สนข.ชี้แจงชัดเจนทุกเรื่อง

นายวิสุทธิ์กล่าวว่า ส่วนที่ น.ส.ศิริกัญญาระบุว่า สนข.ชี้แจงตอบคำถามได้ไม่ชัดเจน ให้ไปถาม กมธ.คนอื่นๆได้ว่า สนข.ชี้แจงชัดเจนหรือไม่ ทุกคนเข้าใจหมด มีแต่ฝ่ายก้าวไกลที่ไม่เข้าใจ พยายามซักลงไปในรายละเอียดถึงขั้นที่ว่าจะมีเรือสัญชาติใดบ้าง กี่ลำมาเข้าร่วมในโครงการ เหมือนกับพยายามไม่เข้าใจ บอกว่าไปหลอกลวงให้ต่างชาติมาร่วมลงทุนเป็นไปไม่ได้ เพราะโครงการนี้เป็นเมกะโปรเจกต์ บริษัทต่างชาติต้องศึกษามาเป็นอย่างดีก่อนจะมาลงทุน จะไปหลอกได้อย่างไร ขณะนี้มีบริษัทต่างชาติติดต่อมาขอร่วมลงทุนจำนวนมาก แม้แต่ตัวแทน กมธ.พรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นฝ่ายค้านยังลงมติเห็นด้วยกับผลการศึกษา เพราะมองว่าทำให้คนภาคใต้ได้ประโยชน์ มีแต่พรรคก้าวไกลที่ไม่เอา ขณะนี้เรื่องแลนด์บริดจ์เป็นแค่ขั้นตอนการศึกษา ขึ้นอยู่กับสภาจะเห็นด้วยหรือไม่ ถ้าเห็นด้วยก็ส่งเรื่องให้รัฐบาลพิจารณาต่อไป ถ้าสภาไม่เห็นด้วยเรื่องก็จบไป รวมถึงต้องดูผลการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมประกอบด้วย ยังมีอีกหลายขั้นตอน

แขวะ “ไหม” จะนั่ง รมต.ต้องใจเย็นๆ

นายวิสุทธิ์กล่าวว่า ไม่อยากทะเลาะกับเด็กให้เป็นดราม่า ทำไม น.ส.ศิริกัญญาไม่ลาออกจาก กมธ. ก่อนหน้านี้ แต่มาลาออกในนาทีสุดท้าย วันสุดท้ายก่อนจะลงมติ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าโหวตไปฝ่ายของตัวเองก็แพ้เพราะเป็นเสียงข้างน้อย ขอให้ทำอะไรตรงไปตรงมา หัดมองโลกให้กว้าง ควรมีเหตุผลไม่ใช่ไม่พอใจแล้วออกไปโวยวาย อย่าจ้องเล่นแต่การเมือง อย่าใช้อารมณ์ อายุยังน้อย อยากเป็น รมว.คลัง ต้องใจเย็นๆอย่าใจร้อน ถ้าไม่เห็นด้วยรอไปชี้แจงในสภาทีเดียว อยากรู้เหมือนกันว่าถ้ารู้ว่าจะโหวตแพ้ในสภา จะกล้าลาออกจาก สส.หรือไม่

ป.ช.ป.เตือนรัฐอย่าบิดเบือนข้อมูล

นายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณี 4 สส.พรรคก้าวไกลลา ออกจากคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษา โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคมนาคมขนส่ง เพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เชื่อมโยงการขนส่ง ระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (โครงการแลนด์บริดจ์) เพราะไม่เห็นด้วยกับรายงานการศึกษาที่ยังมีจุดบกพร่อง มีลักษณะตัดแปะ และมีเนื้อหาสาระที่ไม่สมบูรณ์ในหลายจุดว่า ทราบจากข่าวเช่นกันว่า กมธ.ทั้ง 4 คน ไม่เห็นด้วยกับรายงาน ส่วนการลาออก ครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมืองหรือไม่นั้น ไม่ทราบข้อเท็จจริง สำหรับตนได้ให้ความเห็นต่อรายงานผลการศึกษาของ กมธ. แลนด์บริดจ์ที่มีปัญหา ว่า โครงการนี้มีมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านบาท จำเป็นต้อง มีกระบวนการศึกษาที่ถูกต้อง ตรงตามหลักวิชาการ ในหลายมิติ ทั้งทางเศรษฐกิจ ผลกระทบทางสังคม ด้านสิ่งแวดล้อมและเป็นที่ยอมรับของสาธารณชน ทั้งนี้ หน่วยงานที่ศึกษาจะต้องมีการเปิดเผยข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา และสามารถตอบข้อสงสัย รวมถึง สามารถแสดงหลักฐานในเชิงประจักษ์ที่สนับสนุนผลการศึกษาต่อสังคมได้

“สภาพัฒน์–สนข.” อย่าทำเพื่อพวกพ้อง

“จากข่าวที่ปรากฏแสดงให้เห็นว่าผลการศึกษา เรื่องความคุ้มค่าของโครงแลนด์บริดจ์ระหว่างสภาพัฒน์ และ สนข.มีความขัดแย้งหรือเห็นต่างกันโดยสิ้นเชิงนั้น โครงการภาครัฐทุกโครงการต้องมีกระบวนการศึกษา ที่ถูกต้องเป็นไปตามหลักวิชาการ ไม่มีการบิดเบือนผลการศึกษาเพื่อประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง ประเด็นนี้สำคัญมาก หากเรามีอคติ หรือพยายามบิดเบือนข้อมูล ข้อเท็จจริงต่องานวิจัยแล้ว ผลกระทบระยะยาว ความเสียหาย คงต้องตามมาแน่ๆ โดยเฉพาะผลการศึกษาของโครงการขนาดใหญ่ที่อาจสร้างความ สูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างร้ายแรงอย่างข้อชวนสงสัยของ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ ที่ชวนให้คิดว่า แลนด์บริดจ์ ระนอง-ชุมพร จะช่วยร่นระยะทางลงจริงหรือไม่นั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จำเป็นต้องออกมาให้ข้อมูลออกมาอธิบายกับสังคมให้กระจ่าง เพราะหากแลนด์บริดจ์ เส้นระนอง-ชุมพรไม่สามารถประหยัดเวลาการเดินเรือ เมื่อเทียบกับการเดินผ่านช่องแคบมะละกา โครงการนี้ ก็ไม่อาจประสบความสำเร็จเท่าไรนัก เรือขนาดแสนตัน ขนถ่ายสินค้าขึ้น-ลง ต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เท่าไหร่ ดังนั้น ความสำคัญทั้งหมดจึงตกอยู่ที่ประเด็นธรรมาภิบาลของหน่วยงานภาครัฐเป็นสำคัญ และหาก เราเปรียบเสมือนคลังสมองของชาติ อย่างสภาพัฒน์ สนข.ขอให้ท่านตรงไปตรงมากับข้อมูลที่ท่านได้ศึกษามา” นายสรรเพชญกล่าว

สรรเพชญ บุญญามณี
สรรเพชญ บุญญามณี

จี้รัฐเร่งลงทุนเมกะโปรเจกต์เพิ่ม

นายสรรเพชญกล่าวต่อว่า ระบบเศรษฐกิจไทย ได้หยุดการขยายตัวแบบก้าวกระโดดมาเป็นเวลานาน เนื่องจากการขาดการลงทุนขนาดใหญ่ ดังนั้น รัฐบาลควรลงทุนด้านเมกะโปรเจกต์ให้มากขึ้น เพราะจะนำ ไปสู่การสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้ผู้คน ในพื้นที่เป็นจำนวนมาก ก่อให้เกิดการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของประเทศ เช่น ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษประจำทั้ง 4 ภูมิภาคของไทย ฯลฯ เมกะโปรเจกต์เหล่านี้จะส่งผลต่อการพัฒนาโครงสร้างระบบเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของประเทศในภาพรวมอีกด้วย

14 หน่วยงานจ่อชี้แจงงบฯปี 67

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ในการประชุมคณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ว่า ในวันที่ 15 ม.ค. จะมีการพิจารณางบประมาณมาตรา 7 สำนักนายกรัฐมนตรี รวม 11 หน่วยงาน 3 กองทุนต่อจากสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวกับสำนักนายกฯเข้ามาชี้แจง ได้แก่ 1.สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) 2.สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำหรับกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย 3.สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สำหรับกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) 4.กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ 5.สำนักงานบริหารและพัฒนาความรู้ (องค์การมหาชน) 6.สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) 7.สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) 8.สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) 9.สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ 10.สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ 11.สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) 12.สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) 13.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ 14.ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล

สว.โอ่ล่าชื่อซักฟอกได้แล้ว 80 คน

นายเสรี สุวรรณภานนท์ สว.ในฐานะประธานกรรมาธิการพัฒนาเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวถึงความคืบหน้าการรวบรวมรายชื่อ สว. 84 คน เพื่อยื่นญัตติเปิดอภิปรายทั่วไป ครม.โดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 153 ว่า ขณะนี้มี สว.ร่วมลงชื่อแล้ว 80 คน คาดว่าในสัปดาห์นี้จะได้รายชื่อครบ โดยจะนำเรื่องเข้าที่ประชุม กมธ.ในวันที่ 15 ม.ค.เพื่อดูวิธีการ แนวทางอภิปราย ถ้าเสร็จเรียบร้อยจะยื่นต่อประธานวุฒิสภาได้ในสัปดาห์หน้า ส่วนผู้ที่จะร่วมอภิปรายนั้น จะเปิดให้คนที่ลงชื่อเสนอญัตติได้อภิปรายก่อน เพราะในญัตติที่เสนอมามีหลายคนที่เสนอประเด็นมา เราจะมีเจ้าภาพแต่ละประเด็นตามเรื่องที่กำหนดหัวข้อไว้ 7 หัวข้อใหญ่ สว.คนไหนอยากอภิปรายหัวข้อใดก็มาลงชื่อตามหัวข้อได้ คาดว่าจะมีผู้ร่วมอภิปรายจำนวนมาก มืออภิปราย สว.มีเยอะ

แฉรัฐบาลเดินเกมสกัดเข้าชื่อ

เมื่อถามว่า การอภิปรายครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่ เพราะ สว.บางคนคิดว่าไม่น่าจะสำเร็จ นายเสรีตอบว่า ได้ยินข่าวมาว่ามีการเสนอจะไม่ให้มีการลงชื่อในญัตติครบ ดังนั้น ถ้าใครคิดจะมาแทรกแซงวุฒิสภา อย่าได้เข้ามาแทรกแซง เสียหายเปล่าๆ เรื่องนี้เป็นประโยชน์การบริหารประเทศ ถ้ารัฐบาลตอบได้จะเป็นเครดิต ความเชื่อถือรัฐบาล ทุกอย่างเป็นประโยชน์ทุกฝ่าย ไม่ควรแทรกแซงหาวิธีไม่ให้การลงชื่อสนับสนุนญัตติครบ จะกลัวอะไร ญัตติดังกล่าวไม่ใช่ลงมติไม่ไว้วางใจ รัฐบาลไม่ควรกลัว เพราะเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาล น่าจะตอบได้ วุฒิสภาเป็นสภาพี่เลี้ยงที่ต้องแนะนำรัฐบาล รัฐธรรมนูญเปิดช่องให้เสนอประเด็นสำคัญการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ได้ไปล้มรัฐบาล หรือทำให้รัฐบาลเสียหาย ควรสนับสนุน รัฐบาลสนิทกับ สว.คนไหนต้องไปขอให้ลงชื่อในญัตติ ไม่ใช่มาสกัดกั้น ส่วนวันอภิปรายยังกำหนดไม่ได้จะเป็นวันใด ต้องดูรัฐบาลด้วยจะพร้อมวันใด แต่ควรจะได้อภิปรายภายในเดือน ก.พ.หรือต้นเดือน มี.ค. เพราะสมัยประชุมจะหมดต้น เม.ย. และวาระวุฒิสภา จะหมดเดือน พ.ค.2567 ดังนั้น รัฐบาลอย่าลากอย่าดึงควรพยายามมาตอบ เพื่อประโยชน์ประชาชน เป็นช่วงสุดท้าย สว.ชุดนี้อยู่แล้ว สว.ไม่มีพิษไม่มีภัย ทำให้รัฐบาลเสียหาย เว้นแต่รัฐบาลจะตอบไม่ได้ หรือไม่ยอมทำนั่นคือความเสียหาย

วันชัย สอนศิริ
วันชัย สอนศิริ

“วันชัย” เข้าใจหัวอกนายใหญ่อึดอัด

วันเดียวกัน นายวันชัย สอนศิริ สว. โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า เมื่อช่วงปีใหม่เป็นโควิดต้องกักตัวอยู่ที่บ้านเกือบ 10 วัน อึดอัดจะบ้าตาย ขนาดเป็นบ้านตัวเอง พอจะเดินบนดาดฟ้า ออกกำลังได้บ้างยังรู้สึกเมื่อไรจะหายสักทีจะได้ไปไหนมาไหนได้ แล้วคุณทักษิณป่วยอยู่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจเกือบ 5 เดือน จะกว้างหรือแคบแค่ไหนไม่รู้ เป็นผมคงบ้าตายไปแล้ว จะไปไหนมาไหน จะกินเที่ยวก็ไม่ได้ นั่งๆนอนๆ กินๆเดินๆอยู่อย่างนั้น ไม่ติดคุกก็เหมือนติดคุก จะป่วยหรือไม่ป่วยก็เหมือนป่วยอยู่ดี เป็นแบบนี้ขอเป็นมนุษย์เดินดินดีกว่าเป็นเทวดาชั้น 14 ที่พูดๆกันก็ลองกักตัวเองสักเดือนดู คงอึดอัดแทบบ้ากันทั้งนั้น

ฉะตอนเผด็จการครองเมืองทำนิ่ง

นายวันชัยกล่าวว่า ถ้าทำใจนิ่งๆลดละเลิกความโกรธ ความเกลียดลง อาการคลุ้มคลั่งที่จะไปลุยโน่นนี่คงลดน้อยลง จิตใจคงปรองดองสมานฉันท์ขึ้น ถ้ามีความรักต่อกันจะเข้าใจกัน นึกถึงประโยชน์ส่วนรวมและประเทศสำคัญกว่า เราจมอยู่กับความโกรธความเกลียด ความขัดแย้งอาฆาตมาเป็นสิบปี ฝังหุ่นจนประเทศเดินไม่ได้มาถึงขนาดนี้แล้ว วางใจให้เป็นกลาง เอาประเทศเป็นที่ตั้งจะไม่ดีกว่าหรือ ลองคิดดูตอนเผด็จการครองเมือง มีเทวดาอยู่ตั้งหลายชั้น ทำอะไรใหญ่โตตั้งเยอะแยะ ยิ่งกว่านี้อีก ไม่เห็นมีใครพูดทำลายกระบวนการยุติธรรม ตรวจสอบไม่ได้ ไม่เห็นมีใครว่าอะไร เงียบฉี่กันหมด กลัวหรือรัก เผด็จการเลยพูดไม่ออก แต่พอตอนเป็นประชาธิปไตย เรื่องแค่เนี้ยจะเอาเป็นเอาตาย สารพัดกล่าวหาถาโถมเข้ามา ตกลงเกลียดทักษิณหรือตั้งตนเป็นเจ้าหลักการแห่งความถูกต้องกันแน่ วันนี้คนเบื่อการทะเลาะ เบาะแว้งแตกแยก เลิกได้ควรเลิก จบได้ควรจบ ให้บ้านเมืองเดินต่อไม่ดีกว่าหรือ จะสร้างความขัดแย้งกัน ขึ้นมาทำไม

เศรษฐา ทวีสิน
เศรษฐา ทวีสิน

นายกฯบินดาวอสขึ้นเวที WEF2024

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 00.15 น. วันที่ 15 ม.ค. ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง พร้อมคณะเดินทางไปยังนครซูริก สมาพันธรัฐสวิส เพื่อเข้าร่วมการประชุมเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรั่ม World Economic Forum (WEF) ประจำปี 2024 ที่เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส ระหว่างวันที่ 15-19 ม.ค.ตามคำเชิญ WEF โดยมีนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ร่วมคณะ ทั้งนี้ นายกฯมีกำหนดการหารือกับ น.ส.วิโอลา อัมแฮร์ท ประธานาธิบดีแห่งสมาพันธรัฐสวิส เพื่อกระชับความสัมพันธ์ด้านการค้า การลงทุนระหว่างประเทศ พร้อมมีกำหนดการหารือกับผู้บริหารกูเกิล ผู้บริหารกลุ่มเทเลนอร์ ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการสื่อสารโทรคมนาคม นอกจากนี้ นายกฯและนายปานปรีย์เข้าร่วมประชุมและเสวนาเวทีต่างๆ เพื่อประชาสัมพันธ์ศักยภาพเศรษฐกิจไทยและเชิญชวนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในไทยโดยเฉพาะโครงการแลนด์บริดจ์ด้วย

ให้วีซ่า 90 วัน นทท.เรียนมวยไทย

วันเดียวกัน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง ทวีตข้อความผ่าน X ว่า ตนและรัฐบาลไทยพร้อมสนับสนุนซอฟต์พาวเวอร์ของไทย การให้วีซ่าพิเศษ 90 วัน (จากวีซ่าปกติ 60 วัน) แก่คนที่สนใจจะเข้ามาเรียนมวยไทยเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆของการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยด้วยการใช้ความเป็นไทย ส่งออกไกลไปทั่วโลก เราไม่ได้คิดให้วีซ่าพิเศษเฉพาะเพียงมวยไทยเท่านั้นนะครับ แต่ซอฟต์พาวเวอร์อื่นๆ อย่างรำไทย ดนตรีไทย การเรียนทำอาหารไทย เราพร้อมสนับสนุนและกำลังเตรียมพิจารณาให้วีซ่าพิเศษเป็นลำดับต่อไป

“สมศักดิ์” ดันเลี้ยงโค 5 แสนครอบครัว

ที่บ้านทับเบิก ต.วังบาล อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ สวมชุดม้งเป็น ประธานพิธีเปิดงานสืบสานวัฒนธรรมประเพณีปีใหม่ม้ง 2567 งานที่ชาวบ้านทับเบิกจัดขึ้นช่วงฤดูหนาว หลังเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร เป็นประเพณีสืบทอด โดยนายสมศักดิ์กล่าวว่า เป็นการแสดงถึงความสามัคคี รักษาประเพณีอันดีงาม ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว ขณะที่ชาวบ้านทับเบิกเลี้ยงวัวจำนวนมาก ตรงกับนโยบายที่กำลังผลักดันการเลี้ยงวัว ได้ปรึกษาหารือกับผู้ใหญ่ในรัฐบาลแล้ว เห็นว่าจะส่งเสริมการเลี้ยงโค 5 แสนครอบครัว ผ่านกองทุนหมู่บ้าน เพื่อให้ประชาชนมีรายได้มากขึ้น รัฐบาลให้ความสำคัญทุกเชื้อชาติเสมอภาค เข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน หลังเปิดงานชาวทับเบิกร่วมร้องเพลงวันเกิดพร้อมเค้กเซอร์ไพรส์มอบให้นายสมศักดิ์ ก่อนร่วมโยนลูกช่วงอย่างคึกคัก พร้อมรับหนังสือจากกลุ่มนิคมสร้างตนเองสงเคราะห์ชาวเขาภูทับเบิก ช่วยแก้ปัญหาที่ดินทำกิน แหล่งน้ำ ซ่อมแซมถนนชำรุด ขอให้การไฟฟ้าอนุมัติมิเตอร์ไฟฟ้าแบบถาวร จากนั้นไปที่สนามกีฬาชนวัวร่วมชมประเพณีชนวัว

กห.แทรกมวยไทยฝึกคอบร้าโกลด์

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกกระทรวงกลาโหมฝ่ายการเมือง กล่าวว่า ได้รับมอบหมายให้ต้อนรับคณะที่ปรึกษาทางการทหารสหรัฐฯประจำประเทศไทย นายคริสโตเฟอร์ เฮลม์แคมป์ โฆษกสถานเอกอัครราชทูต สหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เพื่อหารือเตรียมความพร้อมสื่อสารทำความเข้าใจให้ประชาชนในการจัดฝึกประจำปีกองทัพไทย-สหรัฐฯ หรือ “คอบร้าโกลด์ 2024” วันที่ 27 ก.พ. ในพื้นที่กองทัพเรือ จ.ชลบุรี-ระยอง และจังหวัดอื่นๆตามที่กองทัพกำหนด การฝึกคอบร้าโกลด์ปีนี้จะฝึกเพิ่มศักยภาพการบรรเทาสาธารณภัยเตรียมรับมือหากเกิดภัยธรรมชาติในภูมิภาคและเน้นการฝึกต่อต้านภัยคุกคามด้านสงครามไซเบอร์ รวมถึงการฝึกด้านอวกาศให้เข้าใจถึงผลกระทบ จากปรากฏการณ์ทางอวกาศ ที่มีผลต่อการปฏิบัติการทางทหารในภูมิภาคอย่างมีประสิทธิภาพ กระทรวง กลาโหมมีกรมเทคโนโลยีสารสนเทศและอวกาศและศูนย์ปฏิบัติการทางอวกาศของกองทัพอากาศในการฝึกร่วมในครั้งนี้ ขณะที่นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ให้แนวทางการฝึกครั้งนี้ว่า นอกจากการฝึกด้านอาวุธยุทโธปกรณ์รูปแบบต่างๆแล้ว ไทยจะผลักดันการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม (ซอฟต์พาวเวอร์) แทรกเข้าไปในการฝึก เช่น ยุทธวิธีการต่อสู้มวยไทย และอื่นๆที่เป็นประโยชน์ในการฝึกยุคใหม่ ปีนี้ประเทศไทยจะได้อะไรมากกว่าเดิมเยอะ

มท.ตีทะเบียนลูกหนี้กว่า 1.27 แสนราย

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงการลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ 45 วัน นับตั้งแต่เปิดลงทะเบียนเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.66 ข้อมูล ของสำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 14 ม.ค. มีมูลหนี้ 8,189.870 ล้านบาท ลงทะเบียนแล้ว 127,822 ราย ผ่านระบบออนไลน์ 110,049 ราย ลงทะเบียน ณ ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ 17,773 ราย รวมเจ้าหนี้ 92,287 ราย จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนมากที่สุด 1.กรุงเทพฯมากที่สุด 10,628 ราย เจ้าหนี้ 6,697 ราย มูลหนี้ 741.968 ล้านบาท 2.จ.นครศรีธรรมราช 5,223 ราย เจ้าหนี้ 4,509 ราย มูลหนี้ 338.532 ล้านบาท 3. จ.นครราชสีมา 4,769 ราย เจ้าหนี้ 3,093 ราย มูลหนี้ 354.865 ล้านบาท 4.จ.สงขลา 4,751 ราย เจ้าหนี้ 3,522 ราย มูลหนี้ 306.444 ล้านบาท 5.จ.ขอนแก่น 3,325 ราย เจ้าหนี้ 2,693 ราย มูลหนี้ 263.723 ล้านบาท จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนน้อยที่สุด ได้แก่ 1.จ.แม่ฮ่องสอน 196 ราย เจ้าหนี้ 168 ราย มูลหนี้ 10.813 ล้านบาท 2.จ.ระนอง 270 ราย เจ้าหนี้ 184 ราย มูลหนี้ 18.411 ล้านบาท 3.จ.สมุทรสงคราม 334 ราย เจ้าหนี้ 242 ราย มูลหนี้ 10.692 ล้านบาท 4.จ.ตราด 413 ราย เจ้าหนี้ 304 ราย มูลหนี้ 17.561 ล้านบาท และ 5.จ.สิงห์บุรี 447 ราย เจ้าหนี้ 303 ราย มูลหนี้ 21.644 ล้านบาท มีลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยแล้ว 8,780 ราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 3,193 ราย มูลหนี้ลดลง 335.461 ล้านบาท

สุทธิพงษ์ จุลเจริญ
สุทธิพงษ์ จุลเจริญ

สั่งเพิ่มตลาดนัดแก้หนี้เดือนละ 4 ครั้ง

นายสุทธิพงษ์กล่าวอีกว่า สำหรับวันแรกของ Kick off “ตลาดนัดแก้หนี้” พร้อมกันทุกจังหวัดทั่วประเทศเมื่อวันที่ 14 ม.ค. ภาพรวมทั่วประเทศ ณ เวลา 15.00 น. มีหน่วยงานเข้าร่วมบูรณาการจัดกิจกรรม 1,435 หน่วยงาน มีลูกหนี้เข้าร่วมกิจกรรม 5,076 คน มีเจ้าหนี้เข้าร่วม 1,663 คน ข้อพิพาทที่ลูกหนี้และเจ้าหนี้สมัครใจเข้ารับไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาท 1,157 กรณี ตกลงไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาทสำเร็จ 1,040 กรณี มูลหนี้ก่อนไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาท 126.297 ล้านบาท มูลหนี้หลังไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาท 102.218 ล้านบาท มูลหนี้ลดลง 24 ล้านบาท มท.ได้สั่งการ ผวจ.ทุกจังหวัด เพิ่มเติมการจัดตลาดนัดแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ เป็นเดือนละอย่างน้อย 4 ครั้ง เพื่อบูรณาการอย่างทั่วถึง

คปท.นัด 2 ก.พ.ปักหลักชุมนุมยาว

ที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ข้างทำเนียบรัฐบาล บรรยากาศการชุมนุม “ระบบยุติธรรมต้องเท่าเทียม นักโทษต้องอยู่ในคุก” จัดโดยเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ หรือ คปท. นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล นายนัสเซอร์ ยีหมะ และกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน หรือ ศปปส. นำโดยนายอานนท์ กลิ่นแก้ว ที่ชุมนุมค้างคืนต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 12 ม.ค. มีกิจกรรมการแสดงดนตรีสลับปราศรัยช่วงเย็นถึงค่ำ ต่อมาเมื่อเวลา 16.00 น.นายพิชิตแถลงว่า เนื่องจาก คปท.ประกาศไว้ว่าจะชุมนุมแค่ 3 วัน 2 คืน จึงต้องยุติการชุมนุมราวเที่ยงคืน แต่จะกลับมาชุมนุมอีกเวลา 15.00 น. วันที่ 2 ก.พ. คราวนี้จะชุมนุมต่อเนื่องแบบไม่มีกำหนดเลิกจนกว่าข้าราชการที่ช่วยเหลือนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะเข้าคุก การชุมนุมครั้งหน้าพี่น้องประชาชนได้ส่งสัญญาณว่าจะมากันมากกว่าเดิม อาจได้ลงไปนอนบนถนนกันบ้าง วันที่ 17 ม.ค. คปท. จะไปเยี่ยม ป.ป.ช.เพื่อทวงถามความคืบหน้าเรื่องที่เคยยื่นให้ตรวจสอบกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม กรณีช่วยเหลือนายทักษิณ

จัดทัวร์ทั่วไทยล่าชื่อยื่นสอบ ป.ป.ช.

นายพิชิตกล่าวอีกว่า จากนั้นตั้งแต่วันที่ 19 ม.ค.เป็นต้นไป คปท.จะไปทัวร์ประเทศไทยเพื่อจัดชุมนุมพบปะพี่น้องประชาชนทุกภาค เริ่มสัปดาห์แรกเป็นภาคตะวันออก จ.ชลบุรี จันทบุรี ระยอง ตราด จากนั้นเจอกันที่ภาคอีสานต่อด้วยภาคใต้ ถ้าเวลาเหลือจะเดินทางไปพบพี่น้องที่ภาคเหนือ เป้าหมายคือเพื่อชักชวนมาร่วมชุมนุมวันที่ 2 ก.พ. ทั้งรวบรวมรายชื่อให้ครบ 2 หมื่นรายชื่อ เพื่อยื่นตรวจสอบการทำงานของ ป.ป.ช. ส่วนตนวันที่ 18 ม.ค.จะต้องขึ้นศาลในคดีก่อการร้ายช่วงการชุมนุมพันธมิตร ยังไม่รู้จะต้องติดคุกหรือเปล่า แต่ถ้าไม่ติดคุก 2 ก.พ.เจอกันแน่

ด้านนายอานนท์ กลิ่นแก้ว แกนนำ ศปปส.กล่าวว่า จากฉันทามติของสมาชิกในกลุ่ม ศปปส.ที่เห็นพ้องร่วมกันจะเข้าร่วมกับการชุมนุมของกลุ่ม คปท. หากมีคาราวานของกลุ่ม คปท. ไปที่จังหวัดไหนขอเรียกร้องให้สมาชิก ศปปส.ในพื้นที่เข้าร่วมชุมนุมกับ คปท.ด้วย

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่