“นายกฯ เศรษฐา” ลั่น นโยบายรัฐบาล ต้องชัดให้ประชาชนรู้ว่าใช้ภาษีคุ้ม ขอช่วยหนุนแลนด์บริดจ์ ชี้มีประโยชน์มหาศาล ลั่นทำค่าแรงทะลุ 400 ปีนี้ โวทำรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายให้เกิดได้จริง ยืนยันผลักดันแจกเงินหมื่นสำเร็จได้ เผยให้เวลาจัดทำคำของบ 68 ถึง 2 ก.พ. 


วันที่ 12 ม.ค. 2567 เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง เป็นประธานพิธีเปิดโครงการประชุมสัมมนาการมอบนโยบายและแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 มีคณะรัฐมนตรี อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน รวมถึง ผบ.เหล่าทัพ หัวหน้าส่วนราชการ และข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัด เข้าร่วม โดย นายเศรษฐา กล่าวตอนหนึ่งว่า นโยบายที่ดำเนินการภายใต้รัฐบาลนี้ จะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน จับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ประชาชนสบายใจได้ว่าภาษีของพวกเขาถูกใช้ในการสร้างประโยชน์ให้กับประเทศ ในด้านต่างๆ อาทิ ด้านการเกษตร ช่วงที่ผ่านมาตนได้เดินหน้าเจรจาการค้า เพื่อเปิดตลาดใหม่ๆ ให้กับพี่น้องเกษตรกรทุกกลุ่ม ทั้งพืช และปศุสัตว์ ด้านการท่องเที่ยว ถือเป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญ และรัฐบาลมีเป้าหมายรายได้จากการท่องเที่ยว 3 ล้านล้านบาท มุ่งให้ไทยเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง เรื่องที่ดำเนินการไปแล้ว คือ วีซ่าฟรีนักท่องเที่ยวจีน คาซัคสถาน อินเดีย ไต้หวัน และขยายเวลาสำหรับชาวรัสเซีย ซึ่งก็ทำให้เรามีนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทยกว่า 24 ล้านคน และนำจุดเด่นของแต่ละพื้นที่มาใช้ดึงดูดนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็น Hardware เช่น สถานที่ วัฒนธรรม อาหาร หรือเป็น Software ที่ตนใช้เรียกการจัดกิจกรรม Festival หรือ Event ต่างๆ ที่ประกอบกันเป็น Soft Power ของแต่ละพื้นที่ และต้องส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจมากขึ้น ให้มีการใช้สถานที่จัดประชุม เป็นเจ้าภาพแสดงสินค้า งานเทศกาลระดับโลก ในประเทศไทยให้ได้

...

นายเศรษฐา กล่าวว่า ในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งทางถนน ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ และอีกหนึ่งโครงการที่ขอให้ความสำคัญ คือ โครงการแลนด์บริดจ์ ที่ใช้จุดแข็งของสภาพภูมิศาสตร์ที่เชื่อมทั้งสองฝั่งของมหาสมุทร เปิดประตูการค้าสองฝั่งมหาสมุทรทางภาคใต้ ที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าและคมนาคมที่สำคัญ เสริมสร้างความเชื่อมโยงในภูมิภาคให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเราจะเสริมความแข็งแกร่งของการขนส่งผ่านช่องแคบมะละกา และคาดว่าจะสร้างงาน 280,000 ตำแหน่ง คาด GDP โตขึ้นปีละ 5.5%โครงการนี้มีประโยชน์ต่อประเทศมหาศาล และตนขอให้ทุกท่านช่วยกันสนับสนุน ผลักดันไปด้วยกัน จากนโยบายด้านเศรษฐกิจทั้งหมด ครอบคลุมทั้งการท่องเที่ยว การค้า การลงทุน การต่างประเทศ Soft Power โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ อีกส่วนนึงที่อยากผลักดัน คือ การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้สำเร็จ มั่นใจว่าคนไทยเรามีฝีมือ มีทักษะ และพร้อมจะเรียนรู้ เป้าหมายของตนยังชัดเจน ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ปริญญาตรี 25,000 ภายในปี 2570 โดยปีนี้จะต้องทำค่าแรงขั้นต่ำให้มากกว่า 400 บาทให้ได้ 

นายเศรษฐา กล่าวว่า ในเรื่องปัญหายาเสพติด รัฐบาลนี้จะปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย ยึดทรัพย์ และดำเนินการเจรจาทางการทูตกับประเทศตามแนวชายแดน เพื่อควบคุมการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศ ควบคู่กับการสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันยาเสพติดในเด็ก เยาวชน ผู้ใช้แรงงาน สำหรับความเป็นอยู่ของประชาชน จะต้องได้รับการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ในตลอดสมัยของรัฐบาลนี้ ทั้งรถไฟฟ้า น้ำประปา และสิ่งแวดล้อม อากาศสะอาด ด้านค่าโดยสารรถไฟฟ้าของประชาชน รัฐบาลมีนโยบายที่จะทำ “20 บาทตลอดสาย” ให้สำเร็จ ในปัจจุบันรถไฟฟ้าสายสีม่วง และสายสีแดง ก็เหลือ 20 บาทแล้ว ทางกระทรวงคมนาคมก็จะเดินหน้าพัฒนาระบบ Feeder ที่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าทั้งสองสายให้มากขึ้น และเราจะต้องเดินหน้าทำส่วนอื่นให้สำเร็จ เพื่อทำให้ 20 บาทตลอดสายเกิดขึ้นได้จริงสำหรับประชาชน ขณะที่ด้านกองทัพ รัฐบาลจะสนับสนุนการปรับโครงสร้างของหน่วยงานด้านความมั่นคงให้มีความทันสมัย สามารถตอบสนองต่อการคุกคามและภัยความมั่นคงรูปแบบใหม่ๆ ได้ทุกมิติ พัฒนากองทัพให้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของประเทศและประชาชน พัฒนากระบวนการทำงาน การลงทุนในอุปกรณ์ การฝึกอบรม ที่จะทำให้ทหารเป็น “ทหารอาชีพ” ลดกำลังพล และงบประมาณลง ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศ เปลี่ยนรูปแบบการเกณฑ์ทหารให้เป็นสมัครใจให้มีนัย 

นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า รัฐบาลนี้จะต้องเดินหน้าแก้ไขกฎระเบียบ กฎหมาย ข้อจำกัดต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการสร้างเนื้อสร้างตัวของประชาชน การทำธุรกิจ การคิดค้นธุรกิจใหม่ๆ โดยเฉพาะกฎหมายเกี่ยวกับการทำสุราพื้นบ้าน ซึ่งจะกลายมาเป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกที่ชุมชนจะสามารถชูจุดเด่นของตนเองได้ สนับสนุนการแข่งขันที่เป็นธรรม ทำให้คนตัวเล็กสามารถเติบโตได้ ขณะที่เรื่องการเดินหน้าสู่ประชาธิปไตย รัฐบาลนี้จะทำประชามติ เพื่อทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้แล้วเสร็จ โดยไม่จุดชนวนความขัดแย้งในสังคมให้ได้ มุ่งหน้าทำให้ประเทศไทยมีหลักนิติธรรมที่เข้มแข็งในที่สุด 

“อย่างที่ทุกคนทราบว่าหนึ่งในนโยบายเรือธงของรัฐบาลนี้ คือ การทำดิจิทัล วอลเล็ตให้สำเร็จ แม้ว่าในวันนี้ เราจะเดินหน้าออก พ.ร.บ.กู้เงินก็ตาม แต่ก็ขอให้ไม่ลืมที่จะตั้งงบประมาณเผื่อไว้ ในกรณีที่ต้องใช้พัฒนาและดำเนินโครงการด้วย แต่ขอให้ตั้งอย่างสมเหตุสมผล ในปีงบประมาณ 2568 การใช้จ่ายภาครัฐจะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินนโยบายของรัฐบาล ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม” 

นายเศรษฐา กล่าวว่า นโยบายทั้งหมดของรัฐบาลที่กล่าวไปนั้น จะต้องอาศัยการทำงานบูรณาการกันเป็นอย่างมาก มีความเชื่อมโยงหลายส่วน การจัดทำงบประมาณ จะต้องขอให้สำนักงบประมาณช่วยคอยดูทั้งตัวชี้วัดงบประมาณที่ขอ เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน และต้องดูรายละเอียดเนื้อหาให้ถี่ถ้วนด้วยว่าตอบโจทย์ของรัฐบาลหรือไม่ ในปีงบประมาณ 68 จะเป็นการดำเนินการที่ต่อเนื่องจากปี 67 โดยช่วงเวลาการทำงานจะทับซ้อนกัน จึงขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ให้ความร่วมมือในการดำเนินการ เพื่อผลักดันให้การจัดทำงบประมาณตอบโจทย์ความต้องการและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด และเพื่อให้หน่วยงานสามารถจัดทำคำของบประมาณที่สอดคล้องกับจุดเน้นตามนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จำนวน 142 ประเด็น สำนักงบประมาณจึงอยู่ระหว่างดำเนินการนำเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อ ปรับปรุงปฏิทินงบประมาณ โดยขยายระยะเวลาการจัดส่งคำขอได้ถึงวันที่ 2 ก.พ.