จับอาการรัฐบาลที่แสดงออกในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ ค่อนข้างจะร้อนรนออกนอกหน้า คงเป็นเพราะแรงกดดันด้วยความคาดหวังเอาไว้สูง

คือรัฐบาลต้องทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วแบบให้ได้อย่างใจ...ว่างั้นเถอะ นั่นเพราะปัญหาเกี่ยวกับความอยู่รอด

หากทำได้สำเร็จ ก็สามารถสนองความต้องการของประชาชน ตรงกันข้ามถ้าทำไม่ได้ก็หมายถึงรัฐบาลเดินหน้าต่อไปไม่ได้

มันก็แค่นี้แหละ...

ปัญหาที่เกิดขึ้นล่าสุด ก็เพราะตัวเลขผลกำไรของแบงก์เอกชนในปีที่ผ่านมา มีจำนวน 2 แสนล้านบาท ซึ่งคนในวงการเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ ตอกยํ้าให้เห็นว่าเศรษฐกิจของประเทศดี

แต่ในสายตาของชาวบ้านทั่วๆไป อาจมองว่าเป็นตัวเลขที่สูง เพราะแบงก์เอาเปรียบภาคธุรกิจอื่นๆโดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยที่สูงถึง 2.50%

ก็เลยเกิดอาการมะรุมมะตุ้ม เพราะร้องให้แบงก์ชาติลดดอกเบี้ย และสนองให้ควบคุมการดำเนินการของแบงก์พาณิชย์ต่างๆ โดยเฉพาะการทำธุรกิจที่เกินหน้าที่ ซึ่งไม่เกี่ยวกับด้านการเงิน

รัฐบาลก็เอาเลย เหมือนได้ทีรุมจวกแบงก์ชาติกันรอบทิศในประเด็นต่างๆโดยเฉพาะประเด็นการขึ้นดอกเบี้ยสูง ในยามที่เงินเฟ้อติดลบ

“กิตติรัตน์ ณ ระนอง” ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี บอกว่าตอนขึ้นดอกเบี้ยแรกๆไม่อยากวิจารณ์ แต่พอขึ้นต่อเนื่องจนกระทั่งอยู่ในจุดเกินพอดี ก็ต้องพูดเตือนสติกัน เพราะกลุ่มนักวิชาการต่างไม่มีใครกล้าพูด

นายกรัฐมนตรี แม้จะเผยว่ามีการพูดคุยกับผู้ว่าการแบงก์ชาติมาตลอด และจะนัดหมายพูดคุยกันอีก

“จุดยืนของผมไม่เห็นด้วยในการขึ้นดอกเบี้ย แต่ท่านผู้ว่าการแบงก์ชาติมีอำนาจในการขึ้น”

“มันเกี่ยวกับเรื่องสินค้าการเกษตรพืชผลต่างๆ ผมอยากให้สินค้าเกษตรพืชผลต่างๆราคาขึ้น จึงอยากให้กระทรวงพาณิชย์ดูแลไม่ให้ตกตํ่า ดังนั้นจึงอาจพิจารณาเรื่องการลดดอกเบี้ย...ผมก็ฝากไว้”

...

ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ในส่วนของภาคเอกชน ก็มีมุมมองที่ต่างกัน บางฝ่ายเห็นว่าดอกเบี้ยสูงเกินไป บางส่วนก็บอกว่ากำลังพอดีแล้ว

เรื่อง “ดอกเบี้ย” นั้น แบงก์ชาติได้ทยอยขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2566 เหตุผลก็เพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ และป้องกันไม่ให้เงินไหลออก เพื่อไปกินดอกในประเทศที่ดอกเบี้ยสูง ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯก็แก้ปัญหาด้วยวิธีการแบบเดียวกัน ทำให้ดอกเบี้ยของสหรัฐฯขึ้นมาสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์

สุดท้ายสหรัฐฯก็แก้ปัญหาได้ คาดว่าจะไม่มีการขึ้นดอกเบี้ยอีก แต่มีแนวโน้มจะลดด้วย เมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ

ของประเทศไทยก็คงดำเนินนโยบายที่ไม่ต่างกัน เวลานี้เงินเฟ้อของไทยติดลบ ซึ่งแบงก์ชาติก็คงไม่ขึ้นดอกเบี้ยแล้ว

มีแต่จะลดดอกเบี้ยเท่านั้น ซึ่งก็ต้องดูทิศทางการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลกด้วยว่าจะไปทางไหน และสหรัฐฯจะลดดอกเบี้ยเมื่อใด

ความจริงแล้วเรื่องนี้ไม่มีความจำเป็นต้องตื่นตูมให้วุ่นวายกันขึ้นมา

แต่ดูเหมือนจะมีความพยายาม ทำให้เป็นเรื่องการเมืองขึ้นมา ด้วยการกดดันแบงก์ชาติ เพราะความไม่พอใจที่แบงก์ชาติคัดค้านนโยบายของรัฐบาล

ตั้งแต่ “ดิจิทัลวอลเล็ต”-“พักหนี้เกษตรกร”-“ดอกเบี้ยสูง” ก็เลยได้ทีเปิดฉากโจมตี โดยอาศัยปมที่เกิดขึ้นมาแล้ว

อย่าทำให้คนดีคนเก่งซื่อสัตย์สุจริตต้องมาท้อแท้เพราะอำนาจการเมืองอีกเลยครับ...!

“สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ "กล้าได้กล้าเสีย" เพิ่มเติม