“สร้างภาพ” กับ “ความจริง” แตกต่างกันมาก...

เป็นอุทาหรณ์สอนใจที่ทำให้ผู้บริหารประเทศจะต้องคิดและใส่ใจให้มากๆ เพราะถ้าหากหลงเคลิ้มไปคิดว่าเป็นเรื่องเดียวกัน

ความบรรลัยจะมาถึงทันที

“นักการเมือง” ที่มีกรรมวิธีที่จะสร้างความโดดเด่นเพื่อให้ตัวเองเด่นดังด้วยการวาดมโนภาพเพื่อทำให้คนอื่นเชื่อหรือเข้าใจไปในสิ่งที่ตัวเองวาดฝัน

พูดง่ายๆว่าสร้างโลกในความฝันของตัวเอง มุมหนึ่งอาจทำให้คนเชื่อถือได้ แต่ในอีกมุมหนึ่งที่ไม่ใช่ความจริงหรือเป็นสิ่งตรงข้าม

วันนี้อาจยังไม่มีคนรู้แต่อีกวันคนย่อมรู้ความจริงนั้นได้

อย่างคำพูดที่ว่า “หลอกคนอื่นได้แต่หลอกตัวเองไม่ได้” นั่นแหละคือความจริงเป็นสิ่งที่ไม่ตายและจะหลอกหลอนตัวเองไปตลอด

ที่นำประเด็นนี้ขึ้นมากล่าวถึงก็เพราะมีนักการเมืองบางส่วนที่มีความสามารถพิเศษด้วยการสร้างภาพให้ตัวเองเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ได้เพื่อผลในความเป็นนักการเมืองที่เหนือกว่าคนอื่นๆ

แต่พอมาถึงขั้นตอนในทางปฏิบัติกลับไม่สามารถทำอย่างที่พูดหรือคุยโม้เอาไว้ได้ พอถูกจับได้ไล่ทันก็พยายามกลบเกลื่อนไปต่างๆนานา

นายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” อย่าคิดทำเป็นอันขาดก็เตือนเอาไว้เป็นอนุสติเพราะดูลีลาและท่วงทำนองต่างๆนั้น

กำลังจะจัดอยู่ในประเภทนั้นเข้าไปแล้ว

โดยเฉพาะการจัดอีเวนต์ในเรื่องของตัวเองอย่างต่อเนื่องจนลืมเปิดช่องให้กับคนอื่นบ้าง ระยะแรกก็คงพอรับได้

แต่นานๆเข้ามันจะเกิดปัญหาได้

“นักธุรกิจ” ภาคเอกชนที่เข้ามาทำงานการเมืองนั้นมักจะมีอยู่ 2 ส่วน คือส่งเสริมให้การบริหารไปในแง่ดีได้ แต่อีกส่วนหนึ่งก็เป็นตัวฉุดรั้งได้เช่นกัน

...

อย่างที่พูดกันการบริหารธุรกิจเอกชนนั้นมีความต่างกับการบริหารงานในภาครัฐค่อนข้างจะชัดเจน

ซีอีโอภาคเอกชนนั้นสามารถที่จะสั่งงานอย่างที่คิดและต้องการให้เป็นไปอย่างนั้นได้ทันทีเพราะเป็นผู้กำหนดกฎระเบียบด้วยตนเอง

แต่ในฐานะนายกรัฐมนตรีนั้นต่างกันและต้องอยู่ในกฎระเบียบที่มีระบบราชการเป็นตัวกำหนด

ที่สำคัญมีคำว่าประชาชนและประเทศเป็นตัวตั้ง

การคิดหรือดำเนินการใดๆจึงต้องอยู่ภายใต้กรอบ ไม่สามารถดำเนินการได้อย่างที่ต้องการแล้วชี้นิ้วสั่งไปได้เลย

อย่างกรณีการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำที่นายกรัฐมนตรีมีความ ปรารถนาดีต้องการให้ผู้ใช้แรงงานได้เงินมากขึ้นแต่การพิจารณาเรื่องนี้เขามี “ไตรภาคี” ที่ประกอบไปด้วยตัวแทนฝ่ายนายจ้าง ตัวแทนฝ่ายลูกจ้างและกระทรวงแรงงานเป็นผู้พิจารณาและถือเป็นกติกาที่ตัดสินชี้ขาด

แต่นายกรัฐมนตรีคงคิดว่าตัวเองเป็นซีอีโออยู่จึงแสดงความไม่พอใจเพราะไม่ได้อย่างใจ นี่เป็นเรื่องหนึ่งที่นายกรัฐมนตรีต้องเข้าใจ

“ชัยธวัช ตุลาธน” หัวหน้าพรรค “ก้าวไกล” พูดเรื่องนี้เอาไว้ดีครับ...ประเด็นนี้นายกรัฐมนตรีจะต้องทำงาน “เชิงรุก” คือจะต้องพูดคุยกับคณะกรรมการไตรภาคีจึงจะแก้ปัญหาได้

เพราะรัฐมนตรีแรงงานก็ไม่มีอำนาจสั่งซ้ายหันขวาหันได้เช่นกัน!

“สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ "กล้าได้กล้าเสีย" เพิ่มเติม