ตลอดปี 2566 ที่ผ่านมา “เหตุการณ์ในแวดวงการเมือง” นับเป็นปีแห่งการหักปากกาเซียนพลิกเกมเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สู่ “การจัดตั้งรัฐบาลผสม” ภายใต้ผู้นำคนใหม่ที่ชื่อ “เศรษฐา ทวีสิน นายกฯ” ที่เป็นความท้าทายสำคัญต้องฝ่าปัญหาอุปสรรคความเป็นรัฐบาลผสมนี้

ทำให้ปี 2567 ยังเป็นปีที่มีเรื่องต้องเฝ้าระวัง “ความขัดแย้งทางการเมือง” โดยเฉพาะการขับเคลื่อนนโยบายที่ต้องเผชิญกับการแข่งขัน “ก่อให้เกิดคะแนนเสียงแตกเสียงข้างมาก” สร้างความเสียหายให้กับการบัญญัติกฎหมายบางฉบับ “จนเกิดความไม่พอใจกันในพรรคการเมือง” กลายเป็นปมปัญหาเสถียรภาพของรัฐบาลผสมนี้

แม้แต่บรรดาโหราจารย์ชื่อดังยังต้องออกมาตรวจ “ดวงเมืองในปี 2567” อย่างใกล้ชิดสะท้อนผ่าน อ.ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ บอกว่า ในวันที่ 21 เม.ย.2567 อายุเมืองจะครบรอบ 242 ปีนั้นก็ส่งผลต่อ “ดาวพฤหัสบดีกลายเป็นกาลกิณีจร” ทำให้เกิดความยุ่งยากให้ผลร้ายทางด้านกฎหมาย

ท่านมักเรียกว่า “นิติสงคราม” ใช้กฎหมายชิงไหวพริบชิงอำนาจให้ฝ่ายตรงข้ามเสียหายอ่อนแอ อีกทั้ง “ดาวเสาร์โคจรอยู่ราศีกุมภ์ตั้งแต่ 1 มี.ค.2566–19 พ.ค.2568” ถ้าโยกเกณฑ์ร้ายกับบาปพระเคราะห์การบัญญัติกฎหมายการเงินจะชะงักจากภัยคะแนนเสียงข้างมาก จน พ.ร.บ.บางฉบับเสียหายนำความไม่พอใจในพรรคการเมือง

...

หากดาวเคราะห์เบียดมาจากภพที่ 8 (มรณะภพ) เจ้าเรือนดาวอังคารอาจมาเบียดดาวเสาร์จะส่งผลให้บุคคลสำคัญบางคนถึงแก่กรรม แล้วถ้าเกิดในภพที่ 11 มักเกี่ยวกับรัฐสภา “ผู้ออกกฎหมาย” ก็อาจเป็น สส.หรือบุคคลในสภาฯ “อาจถึงแก่กรรม” จนต้องเลือกตั้งซ่อมแต่ก็ไร้ผลไม่เป็นไปตามที่ฝ่ายรัฐบาลคาดหวังไว้

ถัดมา “พระราหู” ย้ายจากราศีเมษมาตั้งแต่วันที่ 17 ต.ค.2566 “เข้าราศีมีน” จะอยู่นี่ไปถึงวันที่ 5 พ.ค.2568 ส่งผลให้ความมืดครอบงำดวงเมืองค่อยๆหายไปที่น่าจะส่งผลดี “แต่ด้วยราหูยกมาอยู่ราศีมีน” เป็นช่วงดวงเมืองกำลังจะครบรอบ 242 ปี ทำให้เดิมพระพฤหัสเป็นกาลกิณีจรก็เปลี่ยนเป็นราหูกาลกิณีจรแทน

แล้วราหูอยู่ตรงราศีมีนมีจุดตั้งรับอยู่ 3 จุดสำคัญ คือ จุดราหู จุดพระพุธ จุดพระศุกร์ “ดูเหมือนเป็นผลดีให้ประเทศเกิดความสว่างไสว” แต่ด้วยราหูเกิดเป็นกาลีจรอยู่ราศีมีนเป็นภพวินาศของดวงเมือง ตามตำราไทยดีบอกว่า “จะประสบความสำเร็จ” แต่เกิดปรากฏการณ์ราหูทับราหู หรือบางพระเคราะห์ทับตัวเอง จึงทำให้ไม่ค่อยดี

เพราะราหูเป็นตัวแทนผู้ปกครองราศีกุมภ์ภพที่ 11ของดวงเมือง และส่งผลให้เป็นโทษเกิดปัญหาครั้งสำคัญในรัฐสภา ผู้ออกกฎหมาย ผู้กำหนดนโยบายของชาติ อันจะเกิดความสับสนวุ่นวายเสียหายตามมา

เวลาต่อมา “ราหูทับดาวพุธในดวงกำเนิดวางพระฤกษ์เสาหลักเมือง” แล้วดาวพุธก็เป็นเทพการสื่อสาร การคมนาคม ก็ส่งผลกระทบเกี่ยวกับกิจการคมนาคม การสื่อสาร และเกิดคดีความเยอะขึ้นดังคำว่า “ราหูสุรินทร์ทับพุธภัยจะยายี ต้องราชทัณฑ์ทวี จะระส่ำระสายสิน” จนผู้ใหญ่ต้องโทษ หรือผู้ใหญ่ให้โทษ

จุดสุดท้ายคือ “ราหูทับพระศุกร์ในดวงกำเนิด” ด้วยพระศุกร์เป็นเจ้าเรือนที่ 12 เรียกว่า กดุมภะเกี่ยวกับเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง การธนาคารและยังเป็นเจ้าเรือนที่ 7 หมายถึงกิจการด้านต่างประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทำให้ต้องดูแลเรื่องปากท้อง เศรษฐกิจ การเงิน การคลังให้ดีที่อาจจะกระทบความเป็นอยู่ประชาชน

 โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างต่างประเทศ ทั้งประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศแดนไกลมีโอกาสเกิดปัญหาทำให้ “ประเทศไทยต้องวางตัวใช้วิเทโศบายอย่างเหมาะสม” ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นนั้น

ประการสำคัญ “ราหูโคจรจุดใดมักเกิดอุปราคา” ในปี 2567 จะเกิดอุปราคา 4 ครั้ง คือ ราศีกันย์เป็นภพที่ 6 ของดวงเมืองเป็นราศีธาตุดินจะเกิดจันทรุปราคาเงามัววันที่ 25 มี.ค. และสุริยุปราคาวงแหวนวันที่ 2 ต.ค. มักมีความเสียหายให้พืชผลการเกษตรจากฝนแล้ง และมีผลกระทบสุขภาพประเทศ ประชาชน กระเทือนสุขภาพอนามัย

ส่วน “โลกธุรกิจจะถูกก่อกวน” กระทบการค้า เกษตรกรรมเสียหาย การงานประสบความอับโชคจนเกิดปัญหาว่างงาน ลูกจ้าง-นายจ้างขัดใจกันจนนัดหยุดงาน ทำให้บริการของประเทศถูกกระทบกระเทือนไปด้วย

ต่อมา “อุปราคาเกิดราศีมีน 2 ครั้งในธาตุน้ำ” บางช่วงมีฝนตกมากจนเกิดอุทกภัย มีการจมน้ำตาย อุบัติเหตุการท่องเที่ยวทางน้ำ ความยุ่งยากอาชีพที่เกี่ยวกับน้ำหรือของเหลว และภัยจากการเจ็บป่วยโรคระบาดอย่าง สุริยุปราคาเต็มดวงวันที่ 8 เม.ย.พาดผ่านราหูในดวงเมือง ตัวแทนผู้ปกครองราศีกุมภ์จะมีความยุ่งยากในรัฐสภา สส.

และจันทรุปราคาบางส่วนเกิดวันที่ 19 ก.ย.ชั้นกรรมาชีพจะเดือดร้อน เกิดไม่พอใจกัน มีอาชญากรรมลึกลับสืบสวนยาก ประเทศเจอศัตรูลึกลับจากต่างประเทศ “ราศีมีนตั้งภพที่ 12 ของดวงเมือง” มักนำความอับโชค เศร้าโศกเสื่อมเกียรติ เสื่อมโทรมสู่ประเทศ ทั้งราชทัณฑ์ โรงงาน โรงพยาบาล สถานการกุศล จะกระทบกระเทือน

ตอกย้ำด้วย “พระดาวอังคาร” ในปี 2567 จะถอยหลังจนถึงต้นปี 2568 อันจะเกี่ยวกับสงคราม อุบัติเหตุ อุบัติภัย ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นค่อนข้างรุนแรง โดยเฉพาะช่วงดาวอังคารกุมดาวเสาร์ในราศีกุมภ์ในวันที่ 15 มี.ค.-23 เม.ย.2567 จะเกิดอุบัติเหตุ อุบัติภัย ดินฟ้าอากาศแปรปรวน ลมพายุฤดูร้อน และภัยแล้งค่อนข้างมากรุนแรง

สิ่งน่าสนใจคือ “อังคารถอยหลังในราศีกรกฎอยู่ระยะ 13 องศา 16 ลิปดา” ตั้งแต่ 19 ต.ค.-3 ธ.ค.2567 ก่อนถอยหลังใกล้โลกจนอังคารเล็งดวงอาทิตย์ส่งกระแสหาดาวเสาร์ ทำให้อาจเกิดอุบัติเหตุรุนแรงในปลายปีจนถึงต้นปี 2568 แต่ด้วยราศีกรกฎเป็นธาตุน้ำมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุในทะเล พื้นที่เป็นน้ำ หรือส่วนประกอบของน้ำ

ส่วนเรื่อง “การเมือง หรือการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง” ในปี 2567 ต้องมอง 2 จุดสำคัญโดยเฉพาะเดือน พ.ค.2567 “อาจจะมีการปรับ ครม.ครั้งใหญ่ หรือเกิดปัญหาการออกกฎหมาย” นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงในรัฐบาลก็ได้ และการเปลี่ยนแปลงครั้งรุนแรงสำคัญนี้น่าจะอยู่ในช่วงราหูโคจรอยู่ราศีมีน

เหตุเพราะ “ทับจุดรับสำคัญในราศีมีนบวกกับเกิดอุปราคาทับราหูตั้งรับดวงเมือง” ที่ศึกษาจากราหูโคจรครบ 12 ราศี ใช้เวลา 18 ปี ถ้าย้อนไป 18 ปีที่แล้วพบว่าวันที่ 19 ก.ย.2549 “ราหูจรอยู่ราศีมีนพอดี” ก็เป็นปีแห่งเหตุการณ์ยึดอำนาจ “อดีตนายกฯสมัยนั้น” หากดูวงรอบของราหูก็จะกลับมาอีกแต่ต่างเวลากัน

เรื่องนี้น่าห่วงเหตุซ้ำรอย “เมื่อราหูจรอยู่ราศีมีนในวันที่ 19 พ.ย.2567” แถมอุปราคาเกิดขึ้นใกล้วันนั้นในราศีมีนเชื่อมโยงถึงเหตุในปี 2549 ดวงเมืองมีราหูอยู่ราศีมีนเช่นกัน และบวกกับดวงอดีตนายกฯ ผู้ถูกกล่าวว่าอยู่เบื้องหลังรัฐบาลนี้ ก็มีดาวประจำเป็นราหูสถิตราศีมีนเชื่อมโยงนายกฯคนปัจจุบันแม้มีลัคนาอยู่ราศีเมษก็ตาม

แต่ด้วยนายกฯคนนี้มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับดวงเมือง และมีความสัมพันธ์กับอดีตนายกฯ สิ่งนี้เป็นเสมือนการส่งสัญญาณที่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้นปลายปีถึงต้นปี 2568

 สุดท้ายดวง “เศรษฐา ทวีสิน นายกฯ จะนำพาประเทศผ่านวิกฤติเหล่านั้นได้หรือไม่...?” เท่าที่ดูท่านมีลัคนาสถิตราศีเมษ “มีดาวจันทร์โยกหน้า อาทิตย์กับศุกร์โยกถอดหลัง” ถ้าในดวงเดิมถือว่าเป็นดวงมีดาวศุภเคราะห์โอบอุ้มในภพที่ 3 และภพที่ 11 ฉะนั้นจะมีญาติมิตรให้การช่วยเหลือประคับประคองสนับสนุนด้วยดี

ยิ่งกว่านั้น “วาสนาดวงนายกฯเศรษฐา” มีดาวสำคัญ 4 ดวง คือ ดาวพฤหัสบดี ดาวพุธ ดาวเสาร์ ดาวอังคารโคจรตรงราศีมังกรเป็นภพที่ 10 ทางโหราศาสตร์หมายถึงภพตำแหน่งหน้าที่การงาน และเป็นจุดที่เปิดเผยมากที่สุดบนท้องฟ้าในขณะเกิดดาว 1 ใน 4 ดวงนี้ก็มีดาวอังคารประจำตัวเป็นมหาอุจ คือ ผู้มีบุญวาสนาสูง

ฉะนั้นดาวประจำตัวมีความโดดเด่น “แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีปัญหาเลย” ด้วยตำแหน่งนายกฯที่ได้มาจากดาวเสาร์เจ้าเรือนกัมมะจรในเรือนลาภะของดาวอาทิตย์กับดาวศุกร์ “ทำให้ดาวเสาร์ทับดาวอาทิตย์จึงได้ตำแหน่งนี้มา” แล้วดาวเสาร์เป็นดาวโทษทุกข์มักส่งผลให้ต้องเหนื่อยยากลำบากตรากตรำจนท้อแท้ถอดใจเลยก็ได้

นี่คือคำทำนายตามหลักโหราศาสตร์ชี้ “สถานการณ์การเมืองไทย 2567” แล้วเชื่อว่าหากทุกคนพร้อมใจกัน “กระทำเพื่อประโยชน์สังคมและประเทศชาติ” ก็จะสามารถนำพาบ้านเมืองไปสู่อนาคตที่ดีได้.

คลิกอ่านคอลัมน์ "สกู๊ปหน้า 1" เพิ่มเติม