“พวงเพ็ชร” ลงพื้นที่ตรวจกระเช้าของขวัญปีใหม่ สร้างความมั่นใจผู้บริโภค แนะช่องทางหากถูกเอาเปรียบแจ้ง สคบ. ย้ำ คนขายอย่าเอารัดเอาเปรียบ มีโทษตามกฎหมาย

วันที่ 24 ธันวาคม 2566 เวลา 10.30 น. นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบฉลากสินค้ากระเช้าของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2567 ร่วมกับสำนักงานเขตจตุจักร สถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน และสมาพันธ์ชมรมคุ้มครองผู้บริโภค กรุงเทพมหานคร เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจที่เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้ากระเช้าของขวัญปีใหม่ จัดทำฉลากสินค้าให้ถูกต้องตามกฎหมายที่กำหนด รวมทั้งเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง เพียงพอเกี่ยวกับสินค้าตามสิทธิผู้บริโภค ณ ห้างสรรพสินค้าท็อปส์ สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว (บริษัท เซ็นทรัลฟู้ด รีเทล จำกัด) และห้างสรรพสินค้าโลตัส สาขาลาดพร้าว (บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด) 

นางพวงเพ็ชร กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ของทุกปี ผู้บริโภคนิยมซื้อกระเช้าของขวัญปีใหม่เพื่อมอบให้กับคนที่รักและเคารพ แทนความรัก ความห่วงใย และความระลึกนึกถึง ดังนั้น ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าต่างๆ จึงมีการจัดกระเช้าของขวัญปีใหม่ เพื่อนำไปจำหน่ายให้กับผู้บริโภค ซึ่งที่ผ่านมาผู้ประกอบธุรกิจให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามกฎหมาย แต่อาจมีผู้ประกอบธุรกิจบางรายกระทำการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค ฉวยโอกาสนำสินค้าที่ไม่มีคุณภาพหรือสินค้าใกล้หมดอายุมาบรรจุในกระเช้าของขวัญปีใหม่ ไม่มีการแสดงรายละเอียดหรือข้อมูลของสินค้าอย่างถูกต้องและเพียงพอ เพื่อให้ผู้บริโภคใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจในการเลือกซื้อสินค้า 

...

สำหรับการลงพื้นที่ในวันนี้ เป็นการกำกับดูแลตรวจสอบผู้ประกอบธุรกิจให้ปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อเป็นการป้องกันการละเมิดสิทธิผู้บริโภค พร้อมแนะผู้บริโภคที่จะเลือกซื้อกระเช้าของขวัญปีใหม่ ขอให้พิจารณาจากข้อมูลในฉลากสินค้าอย่างรอบคอบว่าประกอบด้วยสินค้าอะไรบ้าง มีจำนวนเท่าไร และสินค้าหมดอายุเมื่อใด แต่หากผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ประกอบธุรกิจ หรือพบว่ากระเช้าของขวัญปีใหม่ไม่มีการจัดทำฉลาก สามารถแจ้งเบาะแสไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น สายด่วน สคบ. 1166 หรือแอปพลิเคชัน OCPB Connect หรือเว็บไซต์ สคบ.

ทั้งนี้ หากผู้ประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าประเภทกระเช้าของขวัญปีใหม่แสดงฉลากสินค้าไม่ถูกต้อง ผู้ขายต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากเป็นการกระทำของผู้ผลิตเพื่อขาย หรือสั่งหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อขาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.