อย่าเผลอตัวส่งเสริม “ซอฟต์พาวเวอร์” จนทำให้วัฒนธรรมอันดีของประเทศไทยป่นปี้ เมื่อเร็วๆนี้มีชายชาวเยอรมันคนหนึ่งตีแผ่สังคมไทยผ่านโทรทัศน์เยอรมนี อ้างว่า “ตนซื้อบริการทางเพศจากเด็กหญิงชาวไทยอายุตํ่ากว่า 15 ปี แต่สามารถหนีลอยนวลกลับบ้านได้ ด้วยการจ่ายสินบนกว่าล้านบาท”

เรื่องนี้กลายเป็นข่าวฮือฮาแค่ไม่กี่วันแล้วเงียบหายไป คนไทยไม่รู้ข้อเท็จจริงว่า “เจ้าหน้าที่รัฐไทย” ที่งาบสินบนและทำให้ชายชาวเยอรมันหนีลอยนวลเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายใด อีกเพียงไม่กี่วันต่อมา นายสมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการชื่อดังของไทย ได้นำเรื่องการขายเซ็กซ์ในไทยมาขยายต่อ

อาจารย์พบข้อมูลที่ระบุว่า ไทยเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก มีคนไทยทำอาชีพขายตัวประมาณ 10 ล้านคน เป็นตัวเลขที่น่าตกใจมาก เพราะไทยมีประชากร 66 ล้านคน แต่ขายตัวถึง 10 ล้านคน เป็นเด็กขายตัวถึง 2.8 แสนคน เป็น 1 ใน 3 ของโลก

ประเทศไทยมีชื่อเสียงมาเป็นเวลานาน ในเรื่องการขายบริการทางเพศ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติพูดกันว่า “ถ้าต้องการอย่างว่าต้องมาที่เมืองไทย” มีการจัด “เซ็กซ์ทัวร์” มาไทยเป็นข่าวโด่งดังทั่วโลก เมื่อหลายทศวรรษก่อน มหานครปารีสเคยเป็นนครแห่งการท่องเที่ยว เป็นอันดับหนึ่งของโลก แต่ถูกกรุงเทพฯแซงได้

ต้นเหตุสำคัญเพราะไทยประสบความสำเร็จในการส่งเสริมการท่องเที่ยวในหลายทศวรรษที่ผ่านมา จากการรณรงค์ส่งเสริม “อะเมซิ่งไทยแลนด์” ไทยกลายเป็นดินแดนมหัศจรรย์รอบด้าน ทำให้รายได้จากการท่องเที่ยววิ่งแซงการส่งออก เมื่อปี 2562 ก่อนที่โควิดจะระบาด มีนักท่องเที่ยวมากถึง 40 ล้านคน

...

แต่เราจะรู้สึกปลื้มใจที่ประเทศ ไทยกลายเป็นดินแดนของการขายเซ็กซ์ มีโสเภณีเด็กคอยให้บริการต่างชาติในอันดับต้นๆของโลกกระนั้นหรือ ประเทศ ไทยจะต้องไม่ตกตํ่าโดยเด็ดขาด เราจะต้องไม่เผลอปลื้มอกปลื้มใจ มองว่าบริการทางเพศเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่น่ามหัศจรรย์ของชาติ

อาจารย์สมพงษ์เสนอแนะรัฐบาลให้เร่งแก้ปัญหาที่น่าอับอายขายหน้าโดยด่วน ด้วยการทุ่มให้การศึกษาแก่คนไทยอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง เพื่อให้สถานะของเด็กและครอบครัวดีขึ้น รัฐบาลจะต้องแก้ปัญหาความยากจนและความเหลื่อมลํ้าให้ตรงจุด ไม่ใช่ “คิดใหญ่แต่ทำเล็ก” ตามคำแซวของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์.

คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม