"พีระพันธุ์" รองนายกฯ และรมว.พลังงาน เผย ขยายเวลาตรึงดีเซล 30 บาทต่อลิตร อีก 3 เดือน ม.ค.-มี.ค. 2567 ส่วนค่าไฟฟ้า กลุ่มเปราะบาง คงไว้หน่วยละ 3.99 บาท สำหรับผู้ใช้ไฟไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน เป็นของขวัญปีใหม่ประชาชน

วันที่ 19 ธ.ค. 66 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงข้อสรุปการประชุมเรื่องเกี่ยวกับพลังงานว่า ได้มีการนำเสนอมาตรการเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน ซึ่งก็คือการลดราคาเชื้อเพลิงและพลังงาน เช่น กลุ่มน้ำมันดีเซลจะตรึงราคาไว้ไม่เกิน ลิตรละ 30 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งจะมีผลตั้งแต่เดือนมกราคม ไปจนถึงเดือนมีนาคม ซึ่งจากเดิมจะหมดในสิ้นเดือนนี้ ส่วนราคาก๊าซหุงต้มจะยังคงตรึงราคาไว้ที่ 123 บาทต่อน้ำหนักถัง 15 กิโลกรัม ซึ่งระยะเวลานั้นจะอยู่ในกรอบ 3 เดือนเช่นกัน

สำหรับราคาค่าไฟฟ้านั้น โดยกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้า ไม่เกิน 300 หน่วยจะตรึงราคาอยู่ที่ 3.99 บาทเหมือนเดิม แต่สำหรับบ้านเรือนไหนที่ใช้ไฟฟ้าเกิน 300 หน่วยนั้น ทางกระทรวงพลังงานมีการรับทราบข้อมูลจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ว่ามีภาระค่าใช้จ่ายหลายส่วน และพบว่ามีอีกหลายปัจจัย ที่ไม่สามารถตรึงราคาได้ โดยตอนนี้กำหนดให้ราคาไฟฟ้าไม่เกินหน่วยละ 4.20 บาท

แต่ทั้งนี้ต้องรอดูค่าก๊าซในต้นปีหน้าเพราะมีแนวโน้มได้ราคาลดลง และคาดว่าหลังวันที่ 1 มกราคม 2567 ราคาก๊าซจะลดลง และขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารเรื่องการลดค่าไฟฟ้าอีกครั้งหลังวันที่ 1 มกราคม 2567

ทั้งนี้ นายพีระพันธุ์ ได้ระบุว่า มีการตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาดูโครงสร้างราคาค่าไฟฟ้า รวมถึงค่าพลังงาน โดยส่วนตัวต้องการที่จะรื้อโครงสร้างราคาทั้งหมด เพื่อต้องการปรับการคิดคำนวณราคาให้เกิดความเหมาะสมใหม่แต่ต้องใช้ระยะเวลา

...

ดังนั้นจึงต้องใช้มาตรการตรึงราคาไปก่อน เพื่อเป็นแนวทางช่วยเหลือประชาชนระยะสั้น และจะทำให้ดีที่สุดเพื่อให้ประชาชนมีภาระใช้จ่ายน้อยที่สุด ส่วนข้อกังวลที่ว่าราคาค่าไฟฟ้าขณะนี้ค่อนข้างสูง นายพีระพันธุ์ ระบุว่ามาจากสาเหตุราคาก๊าซธรรมชาติที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย และยังพบปัญหาเรื่องสัญญาที่ทำไว้กับภาคเอกชน ซึ่งทำมาหลายสิบปีแล้วแต่ขณะนี้กำลังค่อยๆ ปรับแก้ไข

โดยขณะนี้ กำลังศึกษาหาแนวทางให้ประเทศไทยหลุดจากการกำหนดราคากลางของก๊าซธรรมชาติในตลาดโลก ถ้าหากควบคุมราคาวัตถุดิบในการผลิตไฟฟ้าได้ก็จะทำให้สามารถลดค่าไฟฟ้าได้ด้วยตัวเองเช่นกัน แต่ทั้งหมดนี้ก็ต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษารูปแบบและรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยคาดว่าจะมีแบบแผนที่ชัดเจนในปี 2567