กลายเป็นเรื่องราวที่สร้างความเสียหายให้แก่ประเทศไทยอย่างร้ายแรง กรณีที่สถานีโทรทัศน์เยอรมนีเผยแพร่ข่าวขบวนการเซ็กซ์ทัวร์ในประเทศไทย โดยชายชาวเยอรมันคนหนึ่งเป็นผู้เปิดโปง อ้างว่าเขาซื้อกามเด็กที่พัทยาและถูกตำรวจไทยจับกุม ต้องจ่ายสินบนกว่าล้านบาทจึงหนีกลับประเทศได้
เกี่ยวกับเรื่องนี้ โฆษกสำนักงานศาลยุติธรรมชี้แจงว่า เป็นคดีที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2565 พนักงานสอบสวน สน.เมืองพัทยา นำผู้ต้องหามาฝากขังต่อศาลจังหวัดพัทยาในข้อหากระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี พนักงานสอบสวนไม่คัดค้านการประกันตัว และผู้ต้องหายื่นประกันตัวด้วยเงิน 200,000 บาท
ศาลจังหวัดพัทยาอนุญาตให้ประกันตัวโดยมีเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล ผู้ต้องหาขออนุญาตเดินทางไปต่างประเทศเมื่อวันที่ 7 พ.ย.2565 และสัญญาว่าจะกลับมารายงานตัวต่อศาลในวันที่ 14 พ.ย. และขอขยายเวลาเป็น 29 พ.ย. แต่ไม่มาตามนัด ศาลจึงออกหมายจับ
พร้อมทั้งสั่งปรับนายประกันและริบเงินประกันรวม 700,000 บาท การเผยแพร่ข่าวสารคดีเรื่องนี้ ทำให้ประเทศไทยเสียหายร้ายแรง ใน 2 เรื่อง เรื่องแรกคือการเปิดโปงการค้าประเวณีเด็ก เรื่องที่สอง กล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐไทย เรียกรับสินบนกว่าล้านบาท ให้ผู้ต้องหาหลบหนีกลับบ้านที่เยอรมนีได้
เรื่องราวที่กลายเป็นข่าวฉาวโฉ่ทั่วโลกนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากภาพลักษณ์ของไทย ที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก เป็นแหล่ง “เซ็กซ์ทัวร์” และมีบริการค้ากามเด็ก แต่ไม่ได้หมายความว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะตั้งหน้าตั้งตามาซื้อบริการเด็กอย่างเดียว มีอีกมากมายที่มาเที่ยวไทยเพราะเป็นประเทศที่น่าเที่ยว
การบังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุมการค้าประเวณีไม่ให้เกิดเรื่องราวฉาวโฉ่ อาจจะเป็นปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ หรืออย่างน้อยก็ทำให้เบาบางลงไป แต่ปัญหาที่น่าหนักใจที่สุดคือการป้องกันหรือปราบปรามไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐไทยเรียกรับสินบน เป็นปัญหาที่อาจจะไม่สามารถแก้ไขได้
...
ผลการสำรวจความคิดเห็นคนไทยทั่วประเทศของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเมื่อหลายเดือนก่อน ประชาชนส่วนใหญ่ระบุว่าการทุจริตคอร์รัปชันเป็นปัญหาอันดับ 1 ของประเทศ ที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลแก้ไขมากที่สุด แต่แก้ไขยากที่สุด กฎหมาย 15 ฉบับก็เอาไม่อยู่ แม้แต่รัฐบาลบางคณะก็ใช้อำนาจด้วยการทุจริตซื้อเสียง.
คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม