"เศรษฐา" คุยนักศึกษา Start Up ม.เชียงใหม่ รับ เป็นแผลในใจ สตาร์ทอัพไทยยังไม่มี “ยูนิคอร์น” ประกาศผลักดันให้ไปถึง ด้าน นศ. สวนทันควัน "ยูนิคอร์น" ไกลเกินจริง ขอเริ่มต้นแค่ "โพนี่" ก่อน 

วันที่ 29 พ.ย. 66 ที่ลานสังคีต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมวงหารือประเด็นการพัฒนาและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ Start Up

โดยมีการออกร้านของผู้ประกอบการรุ่นใหม่และนักศึกษาภายในมหาวิทยาลัย ที่ประสบความสำเร็จแล้วในเบื้องต้น ในการมีผลิตภัณฑ์เป็นของตัวเอง เช่น เซรามิก, อาหาร, เครื่องดื่ม, ไอศกรีม Homemade, เทคโนโลยีทางการแพทย์ เป็นต้น โดยผู้ประกอบการแต่ละร้านได้นำเสนอผลงาน และแรงบันดาลใจ ให้นายกรัฐมนตรีได้รับฟัง

...

จากนั้น นายเศรษฐา ได้กล่าวกับนักศึกษาว่า ในโลกของการแข่งขัน สิ่งหนึ่งที่เป็นข้อเท็จจริง หากมีความคิดที่ดี จะพูดกันตรงไปตรงมา และนำไปต่อยอด เพื่อไม่ให้ต้องเสียเวลากับสิ่งที่ไม่ใช่ ซึ่งรัฐบาลถือเป็นหน้าที่ในการสร้างโอกาสสร้างบรรยากาศให้ทุกคนมีความคิดสร้างสรรค์ และสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดหากมีความคิดที่ดีแล้วควรจะต้องบุคคลนั้นควรจะต้องเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ โดยไม่ต้องพึ่งบริษัทใหญ่ ที่จะมาให้ทุนในลักษณะของการสงสารเห็นใจ และกันเม็ดเงินให้มา แต่จะต้องเป็นการเข้ามาดู Product หรือผลิตภัณฑ์นั้นจริงๆ ว่าต่อยอดได้ เพราะในธุรกิจจะมองกันที่ผลประโยชน์ และการตอบแทน

ดังนั้นรัฐบาลจึงมองว่าเมื่อนักศึกษาหรือผู้ประกอบการมีความคิดที่ดี รัฐบาลจะต้องมีหน้าที่พัฒนาให้ความคิดเหล่านั้นเติบโตขึ้น และสามารถเข้าหาแหล่งเงินทุนได้ เดินในอนาคต หากมีกองทุนเกิดขึ้น  หรือหาเงินทุนมาให้ได้ก็จะต้องพูดกันอย่างตรงไปตรงมาว่าอันนี้ดีหรือไม่ดี

"ผมรู้สึกเป็นแผลในใจ รู้สึกเสียดายที่บ้านเรามีประชากร 68 ล้านคน หลายคนมีความคิดมีความฝัน แต่เราไม่มียูนิคอร์นแม้แต่คนเดียว ไม่มีบริษัทไหนที่จะมองเห็นตรงนี้ ดังนั้นหากรัฐบาลสามารถทำให้เกิดขึ้นได้ ผมอยากผลักดัน ผมจะหาโอกาสพานักศึกษาที่เป็นผู้ประกอบการไปเมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะจากที่เคยไปมาที่มหาวิทยาลัยแสตมฟอร์ด ผมเห็นแล้วขนลุก ทั้งคัตเอาต์ ปากกา แม้แต่แฟ้ม เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ Apple ที่เข้ามาเป็นสปอนเซอร์ให้ ซึ่งเมื่อครั้งที่ตนไป ก็เอ่ยปากกับผู้บริหาร Apple ว่าอยากให้มาเป็นสปอนเซอร์ให้กับมหาวิทยาลัยในประเทศไทยบ้าง และผมมองว่า มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีบรรยากาศที่จะเกิดขึ้นได้"

จากนั้นได้มีการแลกเปลี่ยนความเห็นระหว่างนักศึกษากับ นายเศรษฐา โดยนักศึกษาได้ขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่มองเห็นปัญหา และให้โอกาสกับนักศึกษา พร้อมบอกว่า ยังไม่หวังไกลไปถึงขั้นเป็น “ยูนิคอร์น” หากได้รับโอกาส ขอเป็น"โพนี่" ก่อน แล้วค่อยๆ เติบโตไปเป็นยูนิคอร์นต่อไปในอนาคต

ภายหลังการหารือเสร็จสิ้น นายกรัฐมนตรีได้เดินชมกาดมั่วที่มีสินค้าส่วนใหญ่เป็นอาหารพื้นเมือง เช่น ข้าวซอย ลาบหมูคั่ว น้ำพริกหนุ่ม ไส้อั่วย่าง ข้าวเกรียบปากหม้อ ไข่ป่าม เป็นต้น

ทั้งนี้ นายเศรษฐา ไม่ได้อยู่ร่วมรับประทานอาหารเย็นจากกาดมั่ว ภายในงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ที่ได้เตรียมสำรับอาหารเหนือไว้รองรับ แต่เดินทางเข้าที่พักทันที ก่อนไปภารกิจสุดท้ายของวันนี้ เวลา 19.00 น. นายกรัฐมนตรีชมการแสดง “ต่อยอดแสงหลวง บวงสรวงมหาเจดีย์ ป๋าเวณียี่เป็ง ประจำปี 2566” ณ วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนเดินทางไป จ.อุตรดิตถ์ เพื่อเตรียมปฏิบัติภารกิจในวันพรุ่งนี้.