การกระตุ้นการท่องเที่ยว เพื่อสร้างรายได้หลักเข้าประเทศ มาสะดุดเรื่องของ ความปลอดภัย จะเป็นเพราะข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับ นักท่องเที่ยวจีน ที่ผ่านมา หรือเป็นเพราะ กระแสโซเชียล ที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีน มีเป้าหมายใหม่ในการท่องเที่ยว แต่เราก็ยังตั้งความหวังที่จะดึงนักท่องเที่ยวจีนกลับมา ไม่น้อยกว่า 40 ล้านคน แม้ปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 27 ล้านก็ตามที

การฟรีวีซ่า มีทั้งข้อดีและข้อเสีย อำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวไม่ต้องไปเสียเวลาทำวีซ่า แต่ก็มีจุดอ่อน การตรวจสอบนักท่องเที่ยว ถ้าระบบการรักษาความปลอดภัยยังไม่ดีพอ มี กลุ่มนักท่องเที่ยวสีเทา หลุดรอดเข้ามาก่ออาชญากรรม เข้ามาทำมาหากินแบบผิดกฎหมายในรูปแบบต่างๆ เช่น การมีอาชีพเป็นขอทาน

การสร้าง ซอฟต์พาวเวอร์การท่องเที่ยว เป็นแค่การดึงนักท่องเที่ยวในระยะเวลาหนึ่ง ไม่ใช่การท่องเที่ยวแบบยั่งยืน เพราะฉะนั้นการสร้างความประทับใจและความปลอดภัย จึงมีความสำคัญมากกว่า อนาคตการท่องเที่ยวยังบอกไม่ได้ว่าจะเป็นการตอบโจทย์ การหารายได้เข้าประเทศ เช่นในอดีตหรือไม่

แหล่งรายได้หลักของประเทศนอกจากจะพึ่งพาการท่องเที่ยวแล้วก็คือ การส่งออก เราเคยส่งออกข้าวหอมมะลิเป็นอันดับ1 เราเคยส่งออกยางพาราเป็นอันดับ1 เราเคยส่งออกผลไม้เป็นอันดับ1 แต่ในปัจจุบันเราต้องใช้คำว่า เราเคยต่อไป เพราะเรามีคู่แข่งที่มีศักยภาพมากขึ้นในขณะที่ประสิทธิภาพเราน้อยลง

ไม่กี่วันที่ผ่านมา หาน จื้อเฉียง ทูตจีนประจำประเทศไทย เข้าหารือกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ นอกจากจะเชิญ ร.อ.ธรรมนัสไปเยือนจีน ยังได้มีการลงนามข้อตกลงไทยจีน 3 ฉบับได้แก่ พิธีสารผลิตภัณฑ์จากผึ้ง, ต้นสนใบพาย และความตกลงในการแก้ไขพิธีสารสัตว์ปีก รวมทั้งการเดินทางไปรับ ขบวนรถไฟขนส่งสินค้าเกษตร ที่จะเดินทางจาก นครเฉิงตู ประเทศจีน โดยทางจีนพร้อมที่จะให้การสนับสนุนการพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรและเทคโนโลยี สมาร์ทฟาร์ม ในการส่งเสริมสินค้าการเกษตร เช่นการเปิดตลาดโคมีชีวิต การนำเข้าสินค้า บริเวณด่านท่าเรือกวนเหล่ยที่มีทั้งสินค้าพืช ผลไม้ ประมง และปศุสัตว์ โดยจีนเป็นคู่ค้าสินค้าการเกษตรอันดับ 1 กับไทย ในสัดส่วนร้อยละ 20.70 ของมูลค่าสินค้าเกษตรโลกมีมูลค่ากว่า 4 แสนล้าน มีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 26.67 ต่อปี

...

นอกจากนี้ การส่งเสริมการค้าผ่านการขนส่งทางรถไฟความเร็วสูง ไทยลาว และจีนจะสร้างมูลค่าของสินค้าการเกษตรได้อีกจำนวนมหาศาล กรณีนี้ ศ.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ผู้แทนการค้าไทย ชี้แจงตามนโยบายเศรษฐกิจเชิงรุกของรัฐบาลในการส่งสินค้าการเกษตรทางราง ที่จะเชื่อมจากไทยไปจีนไปยุโรป มีการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมแล้วโดย ทีมไทยแลนด์ ที่ประกอบด้วยภาคเอกชน กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการต่างประเทศ

ที่จะยกระดับเศรษฐกิจของประเทศผ่านสินค้าการเกษตร พร้อมไปกับยกระดับรายได้ของเกษตรกรที่จะส่งผลให้เกษตรกรไทยมีศักยภาพในการผลิตมากขึ้น การขนส่งทางรางในอนาคตสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ One Belt One Road หรือแถบเศรษฐกิจเส้นทางสายไหมทางบกของจีนจะเป็นการเชื่อมเส้นทางการค้าไปทั่วโลก

เรามีโอกาสทางเศรษฐกิจอยู่รอบประเทศ เพียงแต่จะพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสได้อย่างไรแค่นั้น.

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th

คลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม