แม้นักเศรษฐศาสตร์จะยอมรับ การท่องเที่ยวยังเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ในขณะที่เครื่องยนต์ตัวอื่นๆ เช่น การส่งออกและการใช้จ่ายภาครัฐทรุดลง แต่การท่องเที่ยวก็ยังไม่ฟู่ฟ่าเหมือนเดิม จึงมีเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลปรับยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว และดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนให้กลับมา
ไทยเป็นประเทศที่พึ่งรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นอันดับต้นๆของโลก เมื่อปี 2562 ก่อนช่วงโควิดระบาดมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาไทยเกือบ 40 ล้านคน สร้างรายได้ให้ไทย 1.93 ล้านล้านบาท บวกกับรายได้จากนักท่องเที่ยวไทยรวมเป็น 3 ล้านล้านบาท เกือบจะเท่ากับงบประมาณรายจ่ายรัฐปี 2566 ทั้งปี
จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เข้ามาไทยมากที่สุดตามลำดับ ได้แก่จีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ และลาว นักท่องเที่ยวจากจีนสร้างรายได้ให้ไทยสูงสุด ตามด้วยมาเลเซีย รัสเซีย ญี่ปุ่น และอินเดีย แต่หลังวิกฤติโควิด นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงอย่างฮวบฮาบ รัฐบาลจึงต้องฟรีวีซ่าให้บางประเทศ
จีนเป็นประเทศหนึ่งที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไทย โดยไม่ต้องทำวีซ่าหลังจากได้รับฟรีวีซ่า มีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาไทยเพิ่มขึ้นจาก 273,567 คน ในปี 2565 พุ่งขึ้นเป็น 560,670 คน ระหว่างวันที่ 25 ก.ย. ถึง 20 พ.ย.2566 แต่ทรุดลงไปอีกหลังเหตุการณ์กราดยิงที่สยามพารากอน เมื่อวันที่ 3 ต.ค.
ในภาวะปกติของแต่ละปี จะมีคนจีนหลั่งไหลออกไปเที่ยวประเทศต่างๆ ทั่วโลก ถึงปีละ 40 ล้านคน เป้าหมายอันดับ 1 คือ ประเทศไทย (ยกเว้นมาเก๊ากับฮ่องกง) ปลายทางรองลงไปได้แก่ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ จีนยังเป็นคู่ค้าที่สำคัญของไทย มีมูลค่าประมาณ 100,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี
ถ้านักท่องเที่ยวจีนเข้ามาไทยถึง 7–8 ล้านคนตามเป้า ในปีนี้จะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นใกล้ 30 ล้าน หรือ 80% ของปี 2562 แต่ข่าวล่าสุดระบุว่าปีนี้ นักท่องเที่ยวมาเลเซีย จะแซงนักท่องเที่ยวจีนเป็นครั้งแรก จีนอาจมีปัญหาไม่เชื่อมั่นในความปลอดภัย ซ้ำเติมด้วยปัญหาขอทานจีน
...
นับสิบๆปีมาแล้ว ที่คนจีนหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวไทย มีทั้งที่มาเที่ยวชั่วคราวและท่องเที่ยวยาว ก่อให้เกิด“ไชน่าทาวน์” ขึ้นในหลายเมือง โดยเฉพาะ กทม.หวังว่าประเทศไทยคงไม่หวังพึ่งจีน ในทุกด้าน จนกลายเป็นหนี้สินล้นพ้นตัวเหมือนกับบางประเทศที่พึ่งพาจีนและเป็นหนี้จีน จนไม่มีเงินใช้หนี้ จนเศรษฐกิจประเทศล้มละลาย.