“เศรษฐา” โชว์สปีชเวทีสุดยอดซีอีโอเอเปก ตอกย้ำ ไทยพร้อมเปิดประตูรับนักลงทุน ยกระดับโครงสร้างมุ่งมั่นไปสู่รัฐบาลดิจิทัล ชูแลนด์บริดจ์เป็นศูนย์กลางในภูมิภาค จ่อบินร่วมเวทีอาเซียน-ญี่ปุ่น เดือน ธ.ค.นี้ หยอดหวานไม่ทิ้งรถสันดาป ชวน TikTok เปิดศูนย์เทรนใช้งาน มีคิวดินเนอร์ “โจ ไบเดน” พบผู้นำแคนาดา-ออสเตรเลีย-เปรู ยืนกรานไทม์ไลน์ดิจิทัลวอลเล็ตคงเดิม รับไม่มีอะไรทำแล้วทุกคนจะพอใจ “เสี่ยหนู-พีระพันธุ์” ประสานเสียงพร้อมหนุนแจกเงินหมื่น แต่ตั้งเงื่อนไขต้องไม่ขัดกฎหมาย “บิ๊กป๊อด” เสียงแปร่งยังไม่รู้จะหนุนหรือเปล่า ยัน “พี่ใหญ่” ยังไม่วางมือทางการเมือง “เกียรติ” จับโป๊ะรัฐบาลร้องคนละคีย์ บี้ กกต.เชือดหาเสียงไม่ตรงปก
รัฐบาลยังคงมุ่งมั่นเปิดประตูรับนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทย ล่าสุดนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ขึ้นกล่าวปาฐกถาในเวทีสุดยอดผู้นำภาคเอกชนของเอเปก (APEC CEO Summit 2023) ตอกย้ำประเทศไทยพร้อมทำงานร่วมกับพันธมิตรทุกรายจากทั่วโลก
“เศรษฐา” เปิดประตูรับนักลงทุน
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 15 พ.ย. (ตามเวลาท้องถิ่นนครซานฟรานซิสโก ช้ากว่าไทย 15 ชั่วโมง) ณ Summit Hall ศูนย์การประชุม Moscone Center (West) นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวปาฐกถาในการประชุมสุดยอดผู้นำภาคเอกชนของเอเปก (APEC CEO Summit 2023) ในห้วงสัปดาห์การประชุมผู้นําเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 30 (2023 APEC Economic Leaders’Meeting) ระหว่างวันที่ 12-19 พ.ย.โดยเน้นย้ำว่าถึงเวลาที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยแล้ว และไทยพร้อมทำงานร่วมกับพันธมิตรทุกรายจากทั่วโลก เพื่อพบปะพูดคุยกับผู้นำธุรกิจเอเปกที่โดดเด่นจากทั่วภูมิภาค ด้วยบรรยากาศทางการเมืองที่มีเสถียรภาพ รัฐบาลกำลังผลักดันอย่างเต็มที่ผ่านนโยบายทางเศรษฐกิจต่างๆ ที่จะมีการบังคับใช้อย่างจริงจัง ให้ความสำคัญกับการขยายการเติบโต กระตุ้นความสามารถในการแข่งขัน และยกระดับตำแหน่งของประเทศในฐานะจุดหมายปลายทางที่โดดเด่น มีแนวทางความร่วมมือเพื่อบรรลุเป้าหมาย 3 ด้านสำคัญ คือ ด้านความยั่งยืน ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม และด้านการค้าและการลงทุน
...
มุ่งมั่นปูทางไปสู่รัฐบาลดิจิทัล
นายเศรษฐากล่าวว่า สำหรับการค้าและการลงทุน การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยและดึงดูดการลงทุน ส่งเสริมนวัตกรรมและความเป็นผู้ประกอบการ โดยต้องส่งเสริมความร่วมมือเพื่อการเติบโตและการพัฒนาที่ยั่งยืนด้วย ด้านเทคโนโลยี ประเทศไทยโดยรัฐบาลกำลังวางแผนที่จะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน เพื่อดำเนินโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) สิ่งนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศของเราเท่านั้น แต่ยังยกระดับการรับรู้และทักษะด้านดิจิทัลอีกด้วยในระยะยาว รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลดิจิทัล ส่งเสริมการทำงานร่วมกัน เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของบริการสาธารณะของประเทศ เราพร้อมต้อนรับการลงทุนและแรงงานที่มีทักษะ เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมดิจิทัล
ชูแลนด์บริดจ์ศูนย์กลางภูมิภาค
นอกจากนี้ ไทยจะเร่งเดินหน้าเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก (FTAAP) ยังคงเป็นปณิธานที่สำคัญ จะทำงานต่อเนื่องเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เร่งสถาปัตยกรรมการค้าทวิภาคีและภูมิภาคอื่น เพื่อสร้างพันธมิตรใหม่ ยกระดับ FTA เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายใหม่ๆที่กำลังเกิดขึ้น เพื่อเสริมสร้างการเชื่อมโยงเศรษฐกิจร่วมกัน เปิดโอกาสทางการค้าและการลงทุนใหม่ๆ โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่เพื่อพัฒนาสะพานข้ามทะเลเชื่อมต่อทะเลอันดามันกับอ่าวไทย (Landbridge) จะช่วยลดเวลาการเดินทางระหว่างมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก ให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าและโลจิสติกส์ระดับภูมิภาคภายในทศวรรษนี้ โดยไทยมีความยินดีที่จะทำงานร่วมกันและสร้างความก้าวหน้าที่มีความหมายต่อไปสำหรับผู้คนในปัจจุบันและรุ่นต่อๆไป ถึงเวลาแล้วที่จะลงทุนในประเทศไทยให้มากขึ้น ไทยพร้อมก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และจะขยายความร่วมมือร่วมกันต่อไป
บินร่วมเวทีอาเซียน-ญี่ปุ่น ธ.ค.นี้
ต่อมาเวลา 15.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ที่โรงแรมนิกโก ซานฟรานซิสโก นายเศรษฐาพบหารือทวิภาคีกับนายคิชิดะ ฟูมิโอะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น โดยนายกฯญี่ปุ่นกล่าวยินดีที่ได้พบหารือ และแสดงความยินดีกับการเข้ารับตำแหน่งของนายเศรษฐา โอกาสนี้นายกฯญี่ปุ่นขอให้ไทยช่วยอำนวยความสะดวกในการเข้าไปลงทุนในไทย อาทิ การยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการติดต่อหรือประกอบธุรกิจแก่นักธุรกิจ พร้อมกันนี้นายกฯญี่ปุ่นได้เชิญนายเศรษฐา เข้าร่วมการประชุม ASEAN-Japan Comme morative Summit ในเดือน ธ.ค. เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานควบคู่กับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน เพื่อให้ภูมิภาคก้าวเข้าสู่สังคมปลอดคาร์บอน ซึ่งไทยพร้อมร่วมมือภายใต้ข้อริเริ่ม Asia Zero Emission Community (AZEC) ของญี่ปุ่น ที่สอดรับกับแนวทางของไทย
หยอดหวานดูแลรถสันดาปญี่ปุ่น
นายเศรษฐายืนยันว่าไทยพร้อมดูแลภาคอุตสาหกรรมยานยนต์สันดาปญี่ปุ่นในไทย ควบคู่กับการเร่งพัฒนาอุตสาหกรรม EV ให้ไทยเป็นศูนย์กลางช่วงสุดท้ายการผลิตยานยนต์สันดาป พร้อมมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาแนวทาง หารือกับภาคเอกชนญี่ปุ่นโดยตรง และไทยมุ่งเน้นเปิดโอกาสเศรษฐกิจใหม่ๆ อาทิ เศรษฐกิจดิจิทัล นวัตกรรม เศรษฐกิจสีเขียว เปิดกว้างการเจรจาความตกลงการค้าเสรีที่มีมาตรฐานสูง ไทยมีโครงการแลนด์บริดจ์เป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจตัวใหม่ อยากเชิญชวนญี่ปุ่นมาร่วมมือในโครงการนี้ โดยรัฐบาลไทยจะอำนวยความสะดวกให้ภาคเอกชนอย่างเต็มที่
เล็งฟรีวีซ่านักธุรกิจญี่ปุ่น
เวลา 16.30 น.ที่โรงแรมเดอะริทซ์-คาร์ลตัน นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ว่า วันที่ 16-18 ธ.ค.นี้จะเดินทางไปร่วมประชุมอาเซียน-ญี่ปุ่น ส่วนการฟรีวีซ่าสำหรับนักธุรกิจ 2 ประเทศ เห็นตรงกันว่าไม่จำเป็นต้องขอ เพื่อให้การติดต่อทางด้านธุรกิจและไปมาหาสู่สะดวกมากขึ้น เป็นเรื่องดีที่ทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกัน เมื่อถามว่าเรื่องวีซ่านักธุรกิจจะจำกัดจำนวนวันเข้ามาพำนักหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ยังไม่มี เป็นหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศต้องไปศึกษา รายละเอียดคาดว่าจะตกลงกันได้ในระหว่างการไปร่วมประชุมเดือน ธ.ค. ส่วนรถยนต์สันดาปให้ความมั่นใจกับทางญี่ปุ่นว่าจะไม่ทอดทิ้ง ญี่ปุ่นมีการลงทุนในไทยสูงที่สุดในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ต้องดูแลช่วยเหลือกัน และญี่ปุ่นยืนยันธุรกิจยานยนต์เป็นธุรกิจสำคัญจะพัฒนาต่อในประเทศไทย
รับไม่มีอะไรทำแล้วทุกคนพอใจ
นายเศรษฐายังกล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์นโยบายเติมเงิน 1 หมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ที่ใช้วิธีการกู้เงินมาแจกไม่ตรงกับที่หาเสียงเอาไว้ว่า หากเรายึดมั่นกับสิ่งที่พูดไปโดยไม่ฟังความคิดเห็น จะโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง เราพยายามทำให้ดีที่สุด แต่ต้องปรับปรุงแต่งเติมบ้างตามข้อคิดเห็นข้อเสนอแนะของทุกภาคส่วน และไม่สามารถทำให้ทุกคนพอใจได้ พยายามรับฟังอยู่ วันนี้ก็รับฟัง อะไรที่ไม่ก้าวร้าวพร้อมรับฟัง ทุกสิ่งที่พูดไปพยายามทำให้ได้อย่างที่พูด แล้วแต่จะคิดไม่อยากไปตอบโต้ “คำพูดที่ว่าจะทำแล้วไม่ทำ อย่าเอาความคิดของท่านมาให้ผมเลย ต่างคนต่างคิดต่างคนต่างทำ มีหน้าที่ก็ทำไป เป็นหน้าที่ของท่านที่จะพูด และเป็นหน้าที่ของผมที่ผมจะทำ”
ดิจิทัลวอลเล็ตคงไทม์ไลน์เดิม
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรอบเวลาดำเนินโครงการยังเหมือนเดิมหรือไม่ หรือต้องรอความชัดเจนจากคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน นายกฯตอบว่า เข้าใจว่าตอนที่เราดูเรื่องไทม์ไลน์ได้ดูเรื่องกฤษฎีกาแล้วว่าเรามีเวลาให้กฤษฎีกา ไม่ต้องการไปกดดันว่าจะมีการประชุมเมื่อไหร่อย่างไร ขณะนี้ยืนยันว่ายังอยู่ในไทม์ไลน์ และตั้งใจจะดำเนินการโครงการนี้จริงๆ ไม่ใช่หาทางออก การที่หลายคนบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่อยากให้ทุกฝ่ายตรวจสอบได้ รัฐบาลจึงออก เป็น พ.ร.บ.ให้สภาฯตรวจสอบได้ ต้องให้เกียรติทุกภาคส่วนไม่มีอะไรที่ทำแล้วทุกคนพอใจ แต่ต้องพยายามทำเพื่อประชาชน วันนี้เรื่องการหาเสียงจบไปแล้ว ถึงเวลายกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน
ไม่ติดใจผู้ว่าการ ททท.ปม ตร.จีน
นายเศรษฐากล่าวถึงการพูดคุยกับ น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กรณีสื่อสารผิดพลาดประเด็นนำตำรวจจีนมาลาดตระเวนตามจังหวัดท่องเที่ยวเมืองหลักและเมืองรองของไทยว่า ยังไม่ได้พูดคุยกัน ไม่ได้มีอะไร ไม่ได้โกรธ ไม่ได้น้อยใจ ไม่ได้มีปัญหา คนเราพูดผิดกันได้ เข้าใจว่าผู้ว่าการ ททท.ทำงานหนักมาก และพยายามหาช่องทางที่ดีที่สุดที่จะตอบโจทย์ความต้องการของทุกฝ่าย บางทีพูดพลาดไปบ้างต้องออกมาแก้ไข อย่าไปว่าท่านเลย เพราะท่านพยายามหาช่องทางช่วยเหลือประเทศชาติ สิ่งที่ทำถูกมากกว่าผิดเยอะ พลาดไปบ้างไม่เป็นไร เมื่อพลาดก็ออกมาชี้แจง เมื่อถามย้ำว่าเรื่องดังกล่าวกลายเป็นประเด็นทำให้มีคนโจมตีนายกฯจำนวนมาก ไม่ติดใจอะไรใช่หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ไม่ติดใจ ในฐานะผู้บังคับบัญชาต้องมีส่วนรับผิดชอบ ที่จริงเรายังไม่ได้ขอให้ทางตำรวจจีนเข้ามา และเขาไม่ได้ตกลงจะมา เป็นเรื่องภายในของไทยจะเข้ามาได้อย่างไร เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลมากกว่า เชื่อว่าทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการกระตุ้นเศรษฐกิจพยายามทำงานเต็มที่
ชวน TikTok เปิดศูนย์เทรนใช้งาน
จากนั้นนายกฯเดินเยี่ยมชมบูธ Microsoft และ Boeing ณ ศูนย์ประชุมมอสโคนีเซ็นเตอร์ นครซานฟรานซิสโก รวมถึงพบปะหารือผู้บริหารบริษัท TikTok (ติ๊กต่อก) ที่โรงแรมเดอะริทซ์-คาลตัน นายเศรษฐากล่าวว่า ผู้บริหาร TikTok มาขอเข้าพบเอง ไม่แปลกใจเพราะประเทศไทยมีผู้ใช้งาน TikTok 43 ล้านคน ถือว่าสูงมาก ต้องมาดูว่าทำอย่างไรที่เราจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทำให้เขาได้ประกอบธุรกิจที่ดี ช่วยเหลือประชาชนคนไทยด้วยเช่นกัน เช่น โอทอป มีหลายจังหวัดที่ต้องการโปรโมตภาคบริการ รวมถึงซอฟต์พาวเวอร์สินค้าไทย ขณะนี้เราได้ฝึกอบรมเจ้าของผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการคัดเลือก และให้ทาง TikTok เข้ามาช่วยฝึกหัด รวมถึงซอฟต์พาวเวอร์ โดยขอให้มาสร้างศูนย์ฝึกอบรมในไทยเพื่อคำแนะนำในการเล่นโซเชียลมีเดียที่มีประสิทธิภาพสูง ขณะที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้เสนอสิทธิประโยชน์ด้านภาษีเพื่อจูงใจ ซึ่งทาง TikTok สนใจ
ไม่พอใจนักท่องเที่ยวจีนต่ำเป้า
นายเศรษฐากล่าวถึงการหารือกับผู้บริหารบริษัท Booking.com ว่า ตั้งแต่ประกาศวีซ่าฟรีนักท่องเที่ยวจีน มีคนเข้ามาดูเว็บไซต์เพิ่มขึ้นถึง 7 เท่า แต่ยังไม่ดีพอ มองว่าสามารถเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ได้มากกว่านั้น ทั้งนี้บริษัท Booking.com เป็นเจ้าของ Agoda และมีพนักงานหลายพันคนเป็นคนไทย เรามีการโปรโมตการท่องเที่ยวและซอฟต์พาวเวอร์ โดยผู้บริหารบริษัท Booking.comระบุว่าจะติดต่อไปยังผู้ว่าการ ททท. เพื่อหาทางปรับภาพใหญ่ให้เกิดประโยชน์ทั้ง 2 ทาง เขาดีใจที่ผู้นำระดับประเทศให้ความสำคัญ
เปิดคิวร่วมดินเนอร์ “โจ ไบเดน”
นายเศรษฐากล่าวถึงการพบกับผู้บริหารบริษัท Citi ว่า มีการพูดคุยถึงโครงการแลนด์บริดจ์ อยากให้ Citi จัดสัมมนาและเชิญฝ่ายไทยไปพูดคุย รวมถึงจัดโรดโชว์ในทุกทวีป ซึ่ง Citi ยืนยันสนับสนุนไทยในทุกมิติ และใช้เวทีการประชุม CEO Summit เน้นย้ำว่าประเทศไทยเปิดแล้วสำหรับนักลงทุน เราอยู่ในลำดับที่ 43 ของ SDG Index เราเป็นที่หนึ่งในอาเซียน ส่วนการพบผู้บริหารไมโครซอฟท์ โดยไตรมาสที่ 1 ของปีหน้าจะเดินทางไปไทย รัฐบาลขอเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำ พร้อมเชิญภาคเอกชนเข้าไปพูดคุยลักษณะจับคู่ทางธุรกิจ เพิ่มช่องทางการพัฒนาดิจิทัลในไทยให้เข้มแข็งขึ้น ส่วนบรรยากาศการพบปะกับผู้บริหารระดับสูงในงาน CEO Summit ถือเป็นโอกาสที่ดีของไทย มีการออกบูธของบริษัทชั้นนำเช่น บริษัท โบอิ้ง นำเฮลิคอปเตอร์ไร้คนขับขนส่งคนได้มาแสดง คาดว่าจะนำมาขายเชิงพาณิชย์ 7-8 ปีข้างหน้า ส่วนภารกิจวันที่ 16 พ.ย. ตามเวลาสหรัฐฯ จะพบกับนายจัสติน ทรูโด นายกฯแคนาดา รวมทั้งพบหารือกับนายกฯออสเตรเลีย เกี่ยวกับการค้าและการท่องเที่ยว และหารือกับประธานาธิบดีเปรู รวมถึงรับประทานอาหารค่ำร่วมกับนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะหารือในหลายประเด็น และพบกับนางกีนา ไรมอนโด รมว.พาณิชย์สหรัฐฯ เป็นสุภาพสตรีที่เก่ง และเข้าใจธุรกิจการค้าการลงทุนเป็นอย่างดี
“หนู” ยันพรรคร่วมต้องหนุนกัน
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 16 พ.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีนายกฯแสดงความกังวลโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตว่า ยังไม่ได้ยิน ยังเห็นความพยายาม ทุกพรรคมีนโยบายอะไรต้องพยายามเต็มที่ หากไปไม่ได้มีอยู่อย่างเดียวคือผิดกฎหมาย ผิดระเบียบ และขัดแย้งรัฐธรรมนูญ หากพ้นเงื่อนไขเหล่านี้ไปคนที่ผลักดันนโยบายต้องพยายามทำให้ได้ เมื่อถามว่าพรรคภูมิใจไทยจะเห็นชอบนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต โดยดูข้อกฎหมายเป็นเรื่องสำคัญใช่หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ใช่ เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหากทุกอย่าง ถูกต้องเราต้องสนับสนุนนโยบายกันและกัน มิเช่นนั้นนโยบายจะไม่สามารถออกได้ เมื่อถามว่านักวิชาการออกมาท้วงติงว่าหาก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ไม่ผ่านสภา นายกฯต้องรับผิดชอบ นายอนุทินตอบว่า ยังไม่ถึงจุดนั้น ทุกอย่างมีกลไกมีขั้นตอนของมันอยู่ เท่าที่ดูนายกฯก็ทำงานเต็มที่
ยกเคสพรรคขัดแข้งขาพังไปแล้ว
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยพยายามผลักดันนโยบายหลายอย่าง พรรคภูมิใจไทยจะมีนโยบายเด่นอะไรออกมาหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า เราก็ผลักดันทุกเรื่อง เป็นพรรคร่วมรัฐบาลเราไม่แข่งกันหรอก อยู่ในรัฐบาลแข่งกันเองทำไม อย่าลืมว่าหลังนายกฯแถลงนโยบายต่อรัฐสภา นั่นคือนโยบายของรัฐบาล ที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม ไม่ใช่พรรคใดพรรคหนึ่ง เมื่อไหร่ไปคิดว่าของพรรคใดพรรคหนึ่ง และมีอีกพรรคหนึ่งไม่สนับสนุน เพื่อประโยชน์ทางการเมือง มันก็พัง ในรัฐบาลที่แล้วก็เห็นแล้วมีพรรคที่พังไปเพราะขัดแข้งขัดขากัน ไม่มีประโยชน์ใดๆเลย สิ่งสำคัญสุดพี่น้องประชาชนไม่ได้อะไรเลย จากการไม่สามัคคีไม่ร่วมงานกัน ต้องทำงานด้วยกันชอบไม่ชอบอีกเรื่องหนึ่ง อะไรที่อยู่ในนโยบายรัฐบาลถือเป็นความรับผิดชอบร่วมกัน เมื่อถามว่าแสดงว่ามีความมั่นใจใช่หรือไม่ หากพรรคภูมิใจไทยผลักดันนโยบายใดก็จะได้รับการสนับสนุนที่ราบรื่น นายอนุทินตอบว่า ถ้าอยู่ในนโยบายของรัฐบาลก็ต้องผ่าน ถ้าไม่ผ่านต้องมีคำอธิบายที่ดีมากๆ เช่น ผิดกฎหมาย เป็นต้น
“พีระพันธุ์” คัดท้ายไม่ให้เกิดปัญหา
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและ รมว.พลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดยังไม่เห็นร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน ไม่ต้องติดตามการเดินหน้าโครงการเงินดิจิทัล มีข่าวทุกวันอยู่แล้ว เราคอยดูในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลต้องทำตามนโยบายรัฐบาล แต่ต้องดูแลไม่ให้เกิดปัญหาหรือผลกระทบที่สังคมเป็นห่วง เชื่อว่านายกฯดูเรื่องเหล่านี้อยู่ เมื่อถามว่ามองว่าวิธีการออกเป็น พ.ร.บ.กู้เงินเช่นนี้ถูกต้องตามช่องทางกฎหมายหรือไม่ นายพีระพันธุ์ตอบว่า จะถูกต้องหรือไม่ ต้องดูกฎหมายอื่นเกี่ยวข้องด้วย เช่น เรื่องวินัยการเงินการคลัง มีเจ้าหน้าที่ดูอยู่ การจะออกกฎหมายอะไรคณะกรรมการกฤษฎีกาจะดูให้รอบคอบ เมื่อถามว่าคิดว่าเรื่องนี้จะไปถึงฝั่งหรือไม่ นายพีระพันธุ์ตอบว่า ไม่ทราบ ตอบไม่ได้ เพราะไม่ได้ดูแลเรื่องนี้ หากพูดไปเดี๋ยวจะผิดพลาด
“บิ๊กป๊อด” ยัน “พี่ใหญ่” ยังไม่วางมือ
พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงท่าทีของพรรค พปชร. ในการสนับสนุนนโยบาย ดิจิทัลวอลเล็ตว่า “ยังไม่รู้เหมือนกัน แล้วแต่หัวหน้าพรรค” เมื่อผู้สื่อข่าวกระเซ้าว่า พล.ต.อ.พัชรวาท เป็นคนไม่ค่อยพูด พล.ต.อ.พัชรวาทตอบว่า เป็นคนไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว ประเภทมองตาแล้วรู้ใจ เมื่อถามถึงความเคลื่อนไหวในพรรคเป็นอย่างไรบ้าง พร้อมรับช่วงต่อจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาท ตอบว่า ท่านยังแข็งแรง ไม่ได้ฝากฝังหรอก ท่านดูแลอยู่แล้ว ท่านยังแข็งแรง ยังเป็นหัวหน้าพรรคอยู่ และไม่วางมือทางการเมือง
“เด็จพี่” เย้ย “จุรินทร์” กลัว รบ.ได้ดี
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งคำถามรัฐบาลว่าหากเงินดิจิทัลจำเป็นจริงทำไมไม่ออกเป็น พ.ร.ก. แทนที่จะออกเป็น พ.ร.บ. เป็นแค่การก่อหนี้สนองนโยบายหาเสียงว่า อยากให้นายจุรินทร์เก็บคำถามไว้ใช้ในสภาฯ จะได้ทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ ไม่ใช่ทำหน้าที่ฝ่ายแค้นติทุกดอก นายจุรินทร์เคยเป็นรองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ น่าจะเข้าใจความลำบากของประชาชน ไม่อยากให้นายจุรินทร์ทำตัวเป็นหมอดู ทำนายทายทักคาดเดาปัญหาที่ยังไม่เกิดเพื่อเตะตัดขารัฐบาล รัฐบาลมาจากพี่น้องประชาชน หาเงินได้ ใช้เงินเป็น ควรไปรอทำหน้าที่ฝ่ายค้านดีกว่าออกมากวนน้ำให้ขุ่น สงสัยว่าท่านทำเพราะอคติหรือเพราะกลัวว่ารัฐบาลจะประสบความสำเร็จ
“เกียรติ” จับโป๊ะเล่นคนละคีย์
ด้านนายเกียรติ สิทธีอมร คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีเลขาธิการนายกและ รมช.คลัง ระบุว่า ยังไม่มีแผนสำรองกรณีร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาทไม่ผ่าน แต่นายกฯกลับบอกว่ามีแผนสำรองแล้วว่า สะท้อนว่าการให้ข้อมูลของนายกฯและคนใน ครม.ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน กระทบความน่าเชื่อถือ แม้วิธีออกกฎหมายจะเป็นวิธีที่ถูกต้องที่สุด แต่ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดด้วย โดยเฉพาะ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ระบุเงื่อนไขชัดเจนว่าต้องเข้าข่ายกรณีจำเป็นเร่งด่วนเมื่อมีวิกฤติและต้องทำอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลต้องชี้แจงให้ชัดเจนว่าประเทศมีวิกฤติเศรษฐกิจอย่างไร และเหตุใดออกเป็น พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีไม่ได้ และมาตรา 57 ที่ผูกโยงไปถึงมาตรา 53 และมาตรา 56 ที่ระบุว่าการกู้เงินจะทำได้เฉพาะเพื่อใช้จ่ายตามแผนงาน หรือโครงการที่มีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจหรือสังคมเท่านั้น ดังนั้น พ.ร.บ.เงินกู้จะผ่านหรือไม่ขึ้นอยู่กับคำชี้แจงของรัฐบาล แต่ถึงวันนี้รัฐบาลยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน
แนะปรับโครงสร้างพลังงานดีกว่า
“ที่สำคัญคือเมื่อกฎหมายเขียนไว้อย่างนี้ กฤษฎีกาก็จะตีความเช่นเดียวกันว่าเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่ต้องอธิบายถึงความคุ้มค่า ความจำเป็นเร่งด่วน ประเทศมีวิกฤติทางเศรษฐกิจอย่างไร ทั้งที่การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยไม่ได้หยุดชะงัก ไม่ได้ติดลบ ไม่ได้วิกฤติตามการวิเคราะห์ของนักวิชาการทั้งในและต่างประเทศที่เห็นตรงกัน จริงอยู่ที่จำเป็นต้องมีการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ต้องโตด้วยการปรับโครงสร้าง ไม่ใช่โตด้วยการกระตุ้นให้ใช้เงิน ควรเริ่มจากการปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบ ตั้งแต่ค่าไฟ ค่าน้ำมัน ค่าก๊าซ เพราะเป็นโครงสร้างที่บิดเบือนมาก ประชาชนต้องแบกภาระแต่ผู้ประกอบการบางรายได้กำไรเกินควร” นายเกียรติกล่าว
บี้ กกต.เชือดหาเสียงไม่ตรงปก
นายเกียรติกล่าวย้ำว่า นโยบายที่ใช้หาเสียงต้องมีการยื่นต่อ กกต. ต้องระบุให้ชัดเจนถึงแหล่งที่มาของเงินที่จะนำมาใช้จ่ายในนโยบาย แต่สิ่งที่พรรคเพื่อไทยกำลังทำไม่ ตรงกับสิ่งที่ได้ยื่นไว้ต่อ กกต. ทำให้เกิดปัญหาตามมาว่าหากสามารถทำเช่นนี้ได้ มาเป็นรัฐบาลแล้วสามารถทำในสิ่งที่ไม่ตรงกับที่เคยยื่นไว้ต่อ กกต.ได้ เรื่องนี้ กกต.จึงควรออกมาชี้แจงด้วยว่าผิดกฎหมายหรือไม่ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่า พอเป็นรัฐบาลก็จะเปลี่ยนเงื่อนไขอะไรก็ได้ อย่างนี้จะกระทบต่อความเชื่อถือของพรรคการเมืองมากทั้งในและต่างประเทศ
นักร้องเดินสายยื่นสอยนายกฯ
นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน กล่าวว่า วันที่ 17 พ.ย.นี้ จะไปยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง ว่าใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่น กรณีการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 140 และขัด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง มาตรา 53 ที่ไม่เข้าข่ายความจำเป็นเร่งด่วน ก่อนหน้านี้นายเศรษฐาปราศรัยหาเสียงและให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนมาตลอดว่าจะไม่กู้เงินมาใช้สักบาทเดียว แต่กลับกลืนน้ำลายตัวเอง การกระทำดังกล่าวเป็นการจงใจปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจขัดรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ เพื่อให้ ป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวน มีความเห็น และเอาผิดนายกฯในกรณีดังกล่าว
“วรภพ” ฉะลดค่าไฟแค่โปรโมชัน
ขณะที่นายวรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) อยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็น 3 แนวทางการปรับขึ้นค่าไฟงวดเดือน ม.ค.-เม.ย.2567 ผ่านเว็บไซต์ กกพ.ว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ เพิ่งแถลงผลงาน 60 วัน รัฐบาลบอกว่าทันทีที่เป็นรัฐบาลลดค่าไฟได้ 46 สตางค์ต่อหน่วย แต่ตามทางเลือกที่ กกพ.เสนอ ไม่ว่าทางเลือกใดราคาค่าไฟก็เพิ่มขึ้น จึงต้องตั้งคำถามว่าการลดค่าไฟช่วงสั้นๆ เป็นแค่โปรโมชัน 4 เดือน ตอนนี้หมดโปรแล้วใช่หรือไม่ ค่าไฟที่แพงและกำลังเอื้อประโยชน์แก่กลุ่มทุนพลังงาน รัฐบาลควรแก้ปัญหาเรื่องนี้ที่ต้นตอ ทำให้ค่าไฟลดได้ในระยะยาว จนถึงตอนนี้ยังไม่เห็นความพยายามของรัฐบาล นอกจากการสานต่อปัญหาเดิมเรื่องค่าไฟ รัฐบาลชุดนี้ยังเพิ่มปัญหาใหม่ด้วยการเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเพิ่ม อ้างว่าเป็นพลังงานหมุนเวียน หรือพลังงานสะอาด ฝากประชาชนช่วยกันติดตาม และขอถามไปยังรัฐบาลสรุปแล้วจะมาสานต่อปัญหาเดิม เอื้อประโยชน์กลุ่มทุนต่อไปอย่างนั้นหรือ
ศธ.โละแท็บเล็ตแจกแล็ปท็อป
ที่โรงแรมเทวราช จ.น่าน นายสุรศักดิ์ พันธ์ เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวเปิดการประชุมสัมมนาผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศว่า ในฐานะกำกับดูแลงานสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ขอให้ทุกคนช่วยกันขับเคลื่อนนโยบายเรียนดีมีความสุขให้เป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นนโยบายลดภาระครู ลดภาระนักเรียน โดย รมว.ศธ.อยากให้เกิดความร่วมมือกับทุกหน่วยงานนำไปสู่ความเป็นเลิศ และความมั่นคงของชีวิต ส่วนนโยบายการแจกแท็บเล็ตนักเรียนนั้นไม่แจกเป็นแท็บเล็ตแล้วจะแจกเป็นแล็ปท็อป หรือโน้ตบุ๊กแทน เพราะเสียงสะท้อนของครูและนักเรียนเห็นว่าแล็ปท็อปเกิดประโยชน์ต่อการใช้งานมากกว่า จะจัดทำในรูปแบบการเช่า พร้อมสัญญาณอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง จะเริ่มแจกในงบปี 2567 ในกลุ่มนักเรียนมัธยมศึกษาต้นก่อน จากนั้นจะขยายต่อไปเพื่อให้เกิดความเหมาะสมในการจัด การเรียนการสอนครูได้รับแจกเช่นกัน เคยมีข้อครหาว่าการซื้อของหลวงมีราคาแพงกว่าท้องตลาด แต่ครั้งนี้มีราคาสมเหตุสมผลแน่นอน เพราะใช้รูปแบบการเช่าดูแลสินค้ามีครบวงจรกว่า เหมาะสมทั้งสเปก คุณภาพ และการใช้งาน เชื่อว่าทุกคนต้องร้องว้าว
พท.แจงยึดจุดร่วมสังคมแก้ รธน.
นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กล่าวถึงความคืบหน้าการรับฟังความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับแนวทางการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ตลอดช่วงที่ผ่านมาคณะอนุกรรมการฯได้รับฟังความคิดเห็นของประชาชนครอบคลุมหลายภาคส่วน รัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ตั้งใจจะแสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง เดินหน้าสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่สอดคล้องกับบริบทของประชาชน และน้อมรับความเห็น ที่แตกต่างหลากหลายในสังคม เพื่อออกแบบการดำเนินการที่รัดกุมด้วยข้อกฎหมาย และยึดเอาจุดร่วมที่สังคมเห็นพ้องร่วมกันแล้วเป็นแกนหลัก เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการขับเคลื่อนครั้งนี้จะได้รับความเห็นชอบมากพอให้สำเร็จ และประเทศไทยจะได้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นตามที่ประกาศไว้
“นิกร” จ่อชงแก้ ก.ม.ประชามติ
นายนิกร จำนง ประธานคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 กล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกลสนับสนุนให้แก้ไข พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ไม่ให้เป็นปัญหาต่อการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงความเห็นของอนุกรรมการที่รับฟังความเห็นจากภาคส่วนต่างๆ วันที่ 24 พ.ย. ต้องนำเสนอให้คณะกรรมการชุดใหญ่ ที่มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ เป็นประธานฯ พิจารณาอีกครั้งว่าจะเห็นอย่างไร พรรคการเมืองสามารถเสนอร่างแก้ไขให้รัฐสภาพิจารณาได้ ไม่จำเป็นที่รัฐบาลต้องเสนอเอง หากแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ จะแก้ไขเพียงมาตรา 13 ว่าด้วยหลักเกณฑ์ที่จะเป็นเงื่อนไขของการผ่านประชามติ คือต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิออกเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ และเสียงเห็นชอบต้องเกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิ ที่อยากให้แก้คือให้ใช้เกณฑ์เสียงข้างมากของเสียงที่เห็นชอบ หรือมีเงื่อนไข เช่น 25% ของผู้ลงคะแนน เป็นต้น เชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นาน แต่ไม่ถึงขั้นพิจารณา 3 วาระรวด
“อิ๊งค์” เยือนบ้าน “ลุงเหลิม” เคลียร์ใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวัน อยู่บำรุง อดีต สส.กทม. พรรคเพื่อไทย โพสต์ภาพที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เดินทางมายังบ้านริมคลองย่านบางบอน กทม. มาพบ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นายวัน อยู่บำรุง มีนายอาชวิน อยู่บำรุง ลูกชายนายวันอยู่ด้วย พร้อมระบุข้อความว่า “อยู่บำรุง ครอบครัวเพื่อไทย ครอบครัวใจถึงพึ่งได้” จากนั้น น.ส.แพทองธารเข้ามาคอมเมนต์ภาพดังกล่าวว่า “ดีใจได้เจอลุงเหลิมค่ะ” หลังจากก่อนหน้านี้ ร.ต.อ.เฉลิมประกาศตัดขาดกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พร้อมท้าทายให้ไล่ออกจากพรรคเพื่อไทย ขณะเดียวกันนายวันยังโพสต์สำทับเป็นเนื้อเพลงของวงไมโครว่า “บอกมาเลยให้รู้กันไป ให้อยู่หรือไปก็บอกมา”
“อี้” จ๋อยขอโทษคน ปชป.ซื้อเสียง
อีกเรื่อง นายแทนคุณ จิตต์อิสระ รักษาการประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษชน และความเสมอภาคระหว่างเพศ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจกใบแดงให้ น.ส.เกศกานดา อินช่วย อดีตผู้สมัครสส.กทม. เขต 16 พรรค ปชป. และนางดวงฤดี พันธุ์สมตน ผู้ช่วยหาเสียง น.ส.เกศกานดาว่า เข้าใจความรู้สึกของพี่น้องประชาชนที่ผิดหวังต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกคนที่รักและยึดถือความซื่อสัตย์ สุจริตคงรู้สึกไม่ดี ความผิดครั้งนี้จะเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับทุกคนในการลงสมัครรับเลือกตั้งว่าต้องรักษาเกียรติภูมิของพรรคที่สั่งสมมาด้วยการรักษากฎหมาย กฎระเบียบ กติกาและวัฒนธรรมที่เรายึดถือมาอย่างเคร่งครัด ผลกระทบจากการกระทำของคนคนเดียวย่อมขยายไปสู่วงกว้างไม่จบสิ้น เพียงเพราะหวังผลระยะสั้น วัฒนธรรมซื่อสัตย์สุจริตถือเป็นเกราะคุ้มกันที่ชาว ปชป.ยึดถือปฏิบัติมายาวนานไม่เปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกับความขยันหมั่นเพียร และคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติประชาชนมาก่อนทุกอย่าง กรณีนี้ตนไร้คำพูดใดๆนอกจากขอโทษจากใจจริงถึงประชาชนทุกคน
จี้ไขก๊อกพ้นพรรคหวังฟื้นศรัทธา
นายแทนคุณกล่าวว่า พรรคเปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาออกไปกว้างไกล ยามรุ่งโรจน์ย่อมมีผู้อาศัยร่มเงาพักพิงเพื่อหาจังหวะผลักดันตัวเองให้เติบใหญ่ ยามร่วงโรยหวังรวมพลังร่วมด้วยช่วยฟื้นฟูจากศรัทธาประชาชน ที่ยังหวังเห็นว่าสิ่งที่มีคุณค่าของต้นไม้ใหญ่ คือการได้สร้างป่าใหญ่ ที่ประชาธิปัตย์ได้สร้างแนวทางประชาธิปไตย สุจริตจากการพัฒนาบุคลากรทางการเมืองที่เข้มแข็ง และมีอุดมการณ์แท้จริง เป็นคุณค่าในฐานะสถาบันทางการเมืองและนานนับวัน หวังใจว่าพรรคจะกลับมายิ่งใหญ่ในใจคนไทยอีกครั้ง ตนและคณะกรรม การด้านสิทธิฯ ขอน้อมรับคำตำหนิจากสังคมเพื่อปรับปรุงทุกอย่างให้ดีขึ้น จากนี้หวังว่าผู้ที่กระทำผิดจะได้พิจารณาลาออกจากพรรคเพื่อไปพิสูจน์ความจริงตามกระบวนการยุติธรรม และกระบวนการของ กกต.ต่อไป
นายกฯรุกสั่งปราบเนื้อวัวเถื่อน
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ปัญหานายทุนลักลอบนำเนื้อวัวเถื่อนจากประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ผ่านพิธีศุลกากรและการกักกันโรค พบปีละไม่ต่ำกว่า 100,000 ตัน นายกฯสั่งการแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกัน ทั้งศุลกากรและปศุสัตว์จังหวัดที่ทำหน้าที่โดยตรงด้านการปราบปรามการลักลอบเนื้อวัวผิดกฎหมาย อย่างรวดเร็ว เด็ดขาด และเข้มงวด ตามนโยบายของรัฐบาลที่ประกาศสงครามกับสินค้าการเกษตรที่ผิดกฎหมาย ทั้งดำเนินการตรวจสอบพิธีการศุลกากรและการกักกันโรคให้ถูกต้องตามกฎหมายและเป็นไปตามหลักสุขอนามัย ปกป้องไม่ให้เกษตรกรไทยได้รับผลกระทบจากราคาเนื้อวัวที่ตกต่ำ ขจัดความเสี่ยงด้านสุขอนามัยแก่ผู้บริโภค เพื่อเร่งสร้างความเชื่อมั่นต่อสินค้าส่งออกด้านการเกษตรปศุสัตว์ของไทย
“อนุทิน” นัดติวเข้มหน่วยขึ้นตรง
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า วันที่ 17 พ.ย. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย มีกำหนดจัดการประชุมมอบนโยบายแก่หน่วยงานที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดม ศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงแรงงาน และสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) เพื่อให้ทุกหน่วยงานเห็นแนวนโยบายที่สอดคล้องกันนำไปสู่การปฏิบัติภารกิจ ตลอดจนการบริหารทรัพยากรบุคคลให้เป็นกลไกสำคัญต่อการเทิดทูนสถาบันหลัก ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ที่อาคารราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ โดยผู้แทนจาก 8 หน่วยงานของ 4 กระทรวง และ 1 องค์การมหาชน จะลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการผลิตทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพสร้างจิตสำนึกความเป็นไทย เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมาย
ญาติแชร์ จ.ม. “อานนท์” ถึงลูกรัก
ตามที่นายอานนท์ นำภา ทนายความศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน แกนนำม็อบราษฎร ถูกศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุก 4 ปี โดยไม่รอลงอาญาในคดีมาตรา 112 จากการกล่าวปราศรัยในการชุมนุมเมื่อ 14 ต.ค.2563 ล่าสุดญาตินายอานนท์ แอดมินเฟซบุ๊กเพจนายอานนท์ นำจดหมายเขียนด้วยลายมือเจ้าตัวจากเรือนจำถึงบุตรทั้ง 2 คน มาโพสต์มีใจความพอสรุปได้ว่า “การรับโทษไม่ใช่การรับผิด ถึงปราณ อิสรานนท์ ลูกรัก วันนี้ศาลฎีกามีคำสั่งยืนยันไม่ให้ประกันตัวพ่อ การให้ประกันตัวควรเป็นสิทธิโดยทั่วไป การไม่ให้ประกันตัวพ่อไม่ได้เกินความคาดหมาย สำหรับคดีการเมืองและนักโทษทางความคิด พ่อให้ทนายความยื่นถอนประกันในคดีที่เหลือกว่า 20 คดีแล้วด้วย เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการต่อสู้ สิ่งที่กระทำต่อพ่อตอนนี้คือขั้นตอนการลงโทษและรับโทษ แต่ไม่ใช่การรับผิด ไม่มีการสารภาพหรือยอมรับว่าเป็นความผิดเด็ดขาด การต่อสู้ของคนรุ่นใหม่เมื่อปี 2563 เกิดจากการตื่นตัวและสำนึกทางการเมืองเกิดการตาสว่างของคนรุ่นใหม่ กว่า 20 คดีของพ่ออาจต้องรับโทษมากกว่า 80 ปี กว่าลูกทั้งสองจะเข้าใจคำพ่อว่าการรับโทษไม่ใช่การรับผิด ลูกทั้งสองคงเติบโตและบ้านเมืองนี้คงเปลี่ยนแปลงไปไม่อาจเหมือนเดิมแล้ว รักและคิดถึงลูกทั้งสอง อานนท์ นำภา แดน 4”
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่