ประธาน กสทช.นัดประชุม 10 พ.ย. นี้ เคาะมาตรการ กำกับ ควบรวมกิจการ "AIS-3BB" เพื่อประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด ให้ผู้บริโภคได้รับบริการที่มีประสิทธิภาพและราคาเป็นธรรม

วันที่ 8 พ.ย. ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกสทช. ได้ทำหนังสือเชิญประชุมคณะกรรมการ กสทช.นัด พิเศษ วันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2566 นี้ เพื่อพิจารณาวาระการควบรวมกิจการ ระหว่าง บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) ในเครือ AIS และ บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) (3BB) เป็นไปตามมติ กสทช.เสียงส่วนใหญ่ที่ต้องการให้รอเอกสาร จากบริษัทที่ปรึกษาต่างประเทศในงวดที่สองมาประกอบการพิจารณาควบรวมกิจการและออกมาตรการคุ้มครองผู้บริโภค หากการควบรวมกิจการนี้ส่งผลต่อการแข่งขันในตลาด

การประชุมบอร์ด กสทช.วันที่ 10 พ.ย. ดังกล่าว จะมีความชัดเจนว่า การซื้อขายหุ้นระหว่าง AIS และ 3BB เข้าข่ายให้เกิดการผูกขาดในตลาดหรือก่อให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขันในกิจการโทรคมนาคม ตามมาตรา 27 (11) ของพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 หรือไม่ ซึ่งให้อำนาจ กสทช. ออกมาตรการป้องกันการผูกขาดหรือความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันได้

ประธาน กสทช. เห็นว่า การดำเนินงานของ กสทช. เรื่องการควบรวมธุรกิจเป็นไปตามประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2561 สอดคล้องกับ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ ซึ่งที่ผ่านมาได้ควบรวมมาแล้ว 11 ครั้ง และยึดหลักคำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่กสทช.ไม่ควรใช้อำนาจเกินขอบเขตที่กฎหมายกำหนด หากฝ่าฝืนเท่ากับเป็นการกระทำที่อาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย กสทช.จึงควรยึดคำพิพากษาทำหน้าที่ของกสทช.ให้ดีที่สุด ด้วยการออกมาตรการป้องกันและกำกับดูแลเพื่อประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด

...

ทั้งนี้ หลังการควบรวมของ AIS และ 3BB จะทำให้ AIS เป็นบริษัทให้บริการ Fiber Broadband ที่ใหญ่สุดในตลาด นำหน้า True และถือเป็นดีลซื้อขายหุ้นขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ครั้งแรกในรอบปี 2566 แตกต่างจากกรณีควบรวมกิจการระหว่าง True และ DTAC ที่เป็นการนำหุ้นสองบริษัทมารวมกัน

อย่างไรก็ตาม ประธาน กสทช. เข้าใจความห่วงใยของผู้บริโภค จึงได้เชิญ คุณนฤมล เมฆบริสุทธิ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายพิทักษ์สิทธิ์ผู้บริโภค นำคณะทำงาน มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และสภาผู้บริโภค เข้าพบเมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมา เนื่องจากองค์กรผู้บริโภคกังวลเกี่ยวกับการควบรวมกิจการ จึงได้ยื่นหนังสือขอข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมติดตามสอบถามมาตรการต่างๆ ของ กสทช. สะท้อนมุมมองทั้งด้านบวกและลบ เช่นความครอบคลุมสัญญาณที่มากขึ้น หรือค่าใช้จ่ายที่สูงเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ อาทิ ค่า Data และเบอร์โทรในระบบพรีเพดต่ำสุด 37 บาทต่อวัน ขณะที่ค่าแรงอยู่ที่ 300 บาทต่อวัน และในส่วนอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์นั้น บางพื้นที่มีบริษัทเดียวให้บริการผู้บริโภคก็จะหมดทางเลือก เป็นต้น

โดยทั้งมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และสำนักงาน กสทช. จะทำงานร่วมกันเพื่อวางแผนและออกแบบแนวทางสร้างตลาดที่สนับสนุนให้ผู้บริโภคได้รับบริการที่มีประสิทธิภาพและราคาเป็นธรรมต่อไป