เดินหน้าตามเป้าหมายนโยบาย Quick Win ด้านการท่องเที่ยว ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาเที่ยวประเทศไทย ของนายกฯเศรษฐา ทวีสิน

ล่าสุดที่ประชุม ครม. มีมติยกเว้นการขอวีซ่านักท่องเที่ยวที่จะเข้าประเทศไทย (วีซ่าฟรี) อีก 2 ประเทศ คือ อินเดียและไต้หวัน ทั้ง 2 ประเทศนี้ถือว่ามีประชาชนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยจำนวนมาก ตามโครงการนำร่องก่อนหน้านี้ ที่ ครม.ไฟเขียวฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีน และคาซัคสถาน

กรณีของอินเดีย ด้วยฐานประชากร 1.4 พันล้านคน มากที่สุดในโลก ในจำนวนนี้มีกลุ่มชนชั้นกลาง มีฐานะดี 25% หรือประมาณ 350 ล้านคน และยังมีบทบาทสูงบนเวทีโลกในปัจจุบัน ไทยจึงต้องให้ความสำคัญกับอินเดีย นักท่องเที่ยวชาวอินเดียจึงเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดในภูมิภาคเอเชียใต้

ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.ย. มีจำนวนนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางเข้าประเทศไทยกว่า 1.26 ล้านคน คาดว่าภายในสิ้นปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวอินเดียเข้ามาไทยอยู่ประมาณ 1.55 ล้านคน ค่าเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวอินเดียใช้จ่ายในประเทศไทยประมาณ 41,000 บาท/คน/การมาท่องเที่ยว 1 ครั้ง และอยู่ในประเทศไทยประมาณ 7-8 วัน

ขณะที่กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน ก็ปักหมุดประเทศไทยไว้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ ในเบอร์ต้นๆของพวกเขา แล้วยังมีกลุ่มนักลงทุนชาวไต้หวันที่เข้ามาลงทุนในไทยอีกส่วนด้วย

รัฐบาลคงมีการขยายมาตรการวีซ่าฟรีไปยังประเทศอื่นๆเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นที่เป็นตลาดท่องเที่ยวสำคัญของไทยอีกประเทศหนึ่ง

เมื่อเร็วๆนี้ คุณสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และคุณฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ร่วมประชุมหารือวาระพิเศษของ รัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน-ญี่ปุ่น (ASEAN-Japan Tourism Ministers’ Special Dialogue) ภายใต้หัวข้อ “อนาคต 50 ปีข้างหน้าของอาเซียน-ญี่ปุ่น : การออกแบบวิถีสู่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนร่วมกัน”

...

 หวังยกระดับการท่องเที่ยวเชื่อมโยงสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม มีการหารือทวิภาคี (Bilateral Meeting) กับ 3 พันธมิตร 3 หน่วยงานที่สำคัญ คือ เลขาธิการอาเซียน, รองเลขาธิการองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา และ รมว.ที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน และการท่องเที่ยวญี่ปุ่น

ประเด็นความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ อาทิ การท่องเที่ยว อย่างยั่งยืน (Sustainable Tourism) การท่องเที่ยวเชิงชุมชน (Community Based Tourism) การส่งเสริมการท่องเที่ยวจากเมืองหลักสู่เมืองรอง

ในช่วงเวลาเดียวกัน ททท.ยังนำทีมผู้ประกอบการไทย ร่วมงาน “Tourism EXPO Japan 2023” ที่นครโอซากา เพื่อเร่งเครื่องกระตุ้น ตลาดนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่ง ททท.มุ่งที่จะรักษาฐานนักท่องเที่ยว กลุ่ม Bleisure กลุ่ม Golfer กลุ่ม Active Senior กลุ่ม Office Lady กลุ่ม Gen X

ขณะเดียวกันก็มุ่งเจาะกลุ่มตลาดศักยภาพใหม่ อย่าง กลุ่ม Boy Lovers (BL) จากกระแส BL หรือซีรีส์วายของไทยที่มาแรงในตลาดญี่ปุ่น กลุ่ม Oya-rich หรือกลุ่มครอบครัวที่มีรายได้สูง กลุ่มความสนใจพิเศษ เช่น มาราธอน ดำน้ำ จักรยาน และเกมออนไลน์ รวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยเป็นครั้งแรก (First Visitor) เพื่อเร่งเพิ่มมูลค่าและสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยว นำไปสู่การพลิกฟื้นเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยวตามนโยบายของรัฐบาล

ตลาดนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ให้ความสำคัญกับการเดินทางท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สนใจการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม รวมถึงชื่นชอบอาหารไทย ททท.หวังเร่งผลักดันช่วงไตรมาสสุดท้าย ดึงนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นให้ได้ 845,000 คนในปี 2566 เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น 1 ล้านคนในปี 2567.

เพลิงสุริยะ

คลิกอ่านคอลัมน์ "หมายเหตุประเทศไทย" เพิ่มเติม