น่าสนใจกับเส้นทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ที่จะก้าวย่างต่อไปในอนาคต ภายใต้ปีกของ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยยุคใหม่ ที่เต็มไปด้วยคนหนุ่มคนสาว กลุ่มคนรุ่นใหม่ จะขับเคลื่อนพรรคการเมืองที่เคยครองอันดับ 1 ในศึกเลือกตั้งมายาวนานหลายสมัย ให้กลับมาทวงบัลลังก์ตำแหน่งแชมป์อย่างไร และแบบไหน
โฉมหน้าคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยชุดใหม่ จำนวน 23 คน ได้แก่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรค ตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคประกอบด้วย นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ นายโอชิษฐ์ เกียรติก้องชูชัย น.ส.จิราพร สินธุไพร นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองหัวหน้าพรรค โดยมีนายสรวงศ์ เทียนทอง เป็นเลขาธิการ มี น.ส.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ และนายศรัณย์ ทิมสุวรรณ เป็นรองเลขาธิการพรรค นายทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์ เหรัญญิกพรรค นายณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช นายทะเบียนสมาชิกพรรค นายดนุพร ปุณณกันต์ เป็นโฆษกพรรค
และกรรมการบริหารพรรคอีก 9 คน อันได้แก่ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ นายวรวงศ์ วรปัญญา นายพชร จันทรรวงทอง นายนิกร โสมกลาง นายธิติวัฐ อดิศรพันธ์กุล นายจเด็ศ จันทรา นายพลนชชา จักรเพ็ชร นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ และ น.ส.สรัสนันท์ อรรณนพพร
ไล่เรียงรายชื่อดูแล้ว ล้วนเป็นคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ตัวแทนบ้านใหญ่และกลุ่มผลประโยชน์ของพรรค เหลือผู้อาวุโสพรรคเพียงคนเดียวคือ นายชูศักดิ์ ที่ต้องคอยประคองทีม “ยังบลัด” ดูแลในเรื่องของแง่มุมกฎหมาย เลี่ยงการเสี่ยงถูกยุบพรรค “น้ำสาม” ที่สำคัญคือต้องคอยบัญชาเกมการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือเป็นอีกวาระสำคัญของพรรคเพื่อไทย ที่จะชิงความได้เปรียบเหนือพรรคก้าวไกล ในศึกการเลือกตั้งคราวหน้า
...
มีหลายคนตั้งข้อสงสัยว่าการเปิดหน้า “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ขึ้นเป็นผู้นำพรรค ณ วันนี้ เร็วเกินไปหรือไม่ ผิดกับเกมถนัดของ “นายใหญ่” ที่ชอบเก็บไต๋เอาไว้ไปเปิดกันเอาตอนใกล้ๆเลือกตั้งโน่นเลย ต้องบอกว่าก่อนหน้านี้ใน “บอร์ดชินวัตร” ทั้งพ่อ-แม่-พี่ๆ รวมไปถึงทีมยุทธศาสตร์ตระกูลชิน ก็ถกกันหนัก
แต่ด้วยสถานการณ์ที่มันเปลี่ยนแปลงไป ทั้ง การพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาต่อพรรคก้าวไกล ปัจจัยเงื่อนไขในเกมอำนาจที่กลับตาลปัตร 180 องศา ที่สำคัญคือกลุ่มโหวตเตอร์ที่มุ่งไปที่ยุทธ ศาสตร์เลือกตั้ง ที่แสดงออกชัดเจนเมื่อเลือกตั้งที่ผ่านมาว่า ต้องการการเปลี่ยนแปลง เลยต้องยอมไฟเขียวเปิดหน้ากันตั้งแต่หัววัน เพื่อปูทางปูพรมให้ ผู้นำตัวจริงดีเอ็นเอสายตรง ปั้นผลงานสั่งสมบารมีไปเรื่อยๆ
เริ่มจากการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ว่าด้วยซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งจะรันงานเกี่ยวกับการสร้างอาชีพด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อสร้างรายได้ให้ประชาชน ล่าสุดก็ได้รับแต่งตั้งเป็น รองประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ ถือเป็นบอร์ดใหญ่ที่ควบคุมระบบสาธารณสุขทั้งประเทศ เพื่อเดินหน้าโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค (พลัส) โดยใช้นโยบายเรือธง อย่างแจกเงิน 1 หมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต มากระตุ้นความนิยมในระยะสั้น และใช้นโยบายซอฟต์เพาเวอร์ กับ 30 บาทฯพลัส รวมไปถึงนโยบายใหม่ๆ ที่จะทยอยเปิดตัวออกมา ปลุกฐานคะแนนนิยมในระยะยาว สู้กับพรรคก้าวไกลที่วันนี้สถาปนาตัวมาเป็นพรรคการเมืองคู่แข่งเบอร์ 1 ของเพื่อไทยเต็มตัว
ขณะที่พรรคเพื่อไทยถูกมองว่าผันตัวไปเป็นพรรคแกนนำของกลุ่มอำมาตย์ใหม่ ก็ต้องรอพิสูจน์คำพูดของ น.ส.แพทองธาร ที่พูดย้ำมาหลายเวทีว่า “เราตายังคงดูดาว เท้ายังคงติดดิน ยืนหยัดอยู่ข้างประชาชนอย่างเข้มแข็งมั่นคง เพราะพรรคเพื่อไทยหัวใจคือประชาชน” มันจะยังคงเป็นเช่นนั้นอยู่จริงหรือไม่.
เพลิงสุริยะ
คลิกอ่านคอลัมน์ "หมายเหตุประเทศไทย" เพิ่มเติม