“เศรษฐา” ร่วมงานดินเนอร์ ทอล์ก เชื่อ สงครามอิสราเอล-ฮามาส ยืดเยื้อ ย้ำ “ดิจิทัลวอลเล็ต” หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ แจง ไม่ให้เงินสด ปิดช่องใช้จ่ายในกทม. บอกทำงานในฐานะนายกรัฐมนตรี 2 เดือน “Lively in love” ไม่รู้สึกเหนื่อย แค่ได้พักก็หาย

วันที่ 24 ต.ค. 2566 ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ปาฐกถาในงานดินเนอร์ ทอล์ก Thailand's Future อนาคตประเทศไทย 2024 จัดโดยเครือเนชั่น ตอนหนึ่งว่า สะเทือนใจเรื่องสงครามอิสราเอล-ฮามาส เป็นเรื่องใหญ่มาก เป็นที่มาทำไมรัฐบาลถึงทำงานหนัก กระตุ้นเศรษฐกิจ ดูแลปากท้องอย่างเหมาะสม รวดเร็ว ให้กับคนที่เป็นอยู่ลำบากมาตลอด เป็นกระจกสะท้อนความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย และขอร้องให้คนไทยในอิสราเอลรีบกลับมา แต่คนเปลี่ยนใจไม่กลับ เพราะนายจ้างเลื่อนจ่ายเงินไป 10 พ.ย. นี้ และจะให้เงินมากขึ้น คุ้มหรือไม่ คนอยู่ในที่เสี่ยงเพื่อหาเงินเพราะไม่มีทางเลือก ลำบาก เสี่ยงชีวิต นายจ้างจับจุดถูก น่าสลดใจอย่างยิ่ง


นายเศรษฐา กล่าวว่า เชื่อว่าสงครามจะยืดเยื้อ อีก 1-2 สัปดาห์ ถ้ากลับไม่ได้ จะตัดสินใจกลับหรือไม่ ซึ่งเรื่องเงินก็สำคัญ แต่ไม่คิดว่าเรื่องเงินจะทำให้เอาตัวเข้าเสี่ยง

นายกฯ กล่าวว่า ส่วนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต อาจมีคนไม่เห็นด้วย หรือเห็นด้วยแต่อยากให้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลง หรือเห็นด้วยอย่างมีข้อเสนอแนะ ยืนยันเศรษฐกิจไทยต้องการการกระตุ้น การแจกเงินมีความหมายหลายอย่าง รวมกันเอาเงินไปสร้างตัว แต่ 2,000 บาท ไม่เพียงพอ หรือการกำหนดให้ใช้หมื่นบาทให้หมดใน 6 เดือน เพื่อเร่งการผลิต เร่งใช้จ่าย เกิดการหมุนเวียนของเงิน การกำหนดไม่เกิน 4 กิโลเมตร หรือทั้งอำเภอ เพราะไม่อยากให้คนเอาเงินไปใช้ในเมืองใหญ่ อยากให้ร้านค้าในจังหวัดเล็กๆ ได้ด้วย แล้วทำไมไม่ให้เป็นเงินสด ก็เพราะจะเอามาใช้ในกทม. 

...

นายกฯ กล่าวอีกว่า ความเหลื่อมล้ำเป็นปัญหาใหญ่มากต้องแก้ไข เงินหมื่นบาทเปลี่ยนอาชีพได้ อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้ง เป็นเรื่องความคิด แต่หลายอย่างเกิดจากความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ คนมีกับคนไม่มี ต้องช่วยมองอย่างเป็นธรรม คนจะอยู่ไม่ได้ถ้ารัฐบาลไม่ช่วย แต่ต้องช่วยอย่างสุจริต กระตุ้นตรงจุด วิธีการชัดเจน เราพยายามเต็มที่ ไม่อยู่บนความขัดแย้ง หลายคนเป็นกำลังใจ หลายคนมีข้อสงสัยไม่มั่นใจทิศทางที่เราไป ความเห็นต่างแต่ต้องอยู่กันให้ได้ รัฐบาลนี้ไม่เหน็ดเหนื่อยกับการอธิบาย เป็นหน้าที่ของรัฐบาล เรามาตรงนี้เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของชีวิตคนไทยทุกมิติ 

ภายหลังนายเศรษฐา กล่าวปาฐกถาในงาน Dinner Talk Thailand’s Future อนาคตประเทศไทย 2024  ได้มีช่วงถามตอบในบรรยากาศแบบสบายๆ ถึงการเปลี่ยนเส้นทางจากธุรกิจสู่การเมือง แตกต่างกับที่คาดคิดไว้หรือไม่ว่า ไม่ได้เหนือความคาดหวัง เพราะรู้ว่าต้องทำงานหนัก หลายคนเล่นการเมืองก็อยากเป็นรัฐมนตรี อยากเป็นนายกฯ ตั้งแต่อายุ 30 แต่ตนอายุ 58 ถึง 59 แล้วก็ยังไม่คิด จนกระทั่ง 2 ปีก่อนมาการเมืองจึงเริ่มคิด และสิ่งหนึ่งที่ต้องมีในการทำงาน คือ fall in love (ตกหลุมรัก) เพราะต้องอยู่ตรงนี้ถึง 4 ปี หากไม่หลงรัก ไม่มีแพสชัน ตราบใดที่ไม่หลงรักงานที่ทำก็จะไม่ทำอย่างมีประสิทธิภาพ ก่อนที่จะมาเป็นหรือไม่เป็นไม่แตกต่างกัน เพราะมองไว้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น

เมื่อถามว่าทำงานในฐานะนายกรัฐมนตรีมา 2 เดือน หลงรักหรือยัง นายกฯ กล่าวว่า Lively in love (มีชีวิตชีวาและมีความรัก)

เมื่อถามว่านายกฯ ทำงานทุกเรื่อง เจอวิกฤติทุกเรื่อง ตอนนี้เหนื่อยไหม นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้เหนื่อย เหนื่อยก็นอน เพราะทำงานเสร็จก็พักผ่อน ตื่นมาก็ทำงานต่อ ไม่ได้รู้สึกเหนื่อย และไม่ว่าวิกฤติอะไรก็พร้อมสู้ เพราะนายกฯ ทุกคนก็เจอวิกฤติต่างกัน