“พิสิฐ ลี้อาธรรม” ค้าน “ดิจิทัลวอลเล็ต” เผยเหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เอาเงินไปสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูง กทม.-เชียงใหม่ ยังอยู่ได้เป็นร้อยๆ ปี เห็นพ้องนักวิขาการ ลั่น เบียดบังเงินคงคลังชาติ ชี้หุ้นตก เพราะนักลงทุนไม่มั่นใจ


เมื่อเวลา 10.30 น.  วันที่ 18 ต.ค. 2566 ที่รัฐสภา นายพิสิฐ ลี้อาธรรม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ และประธานนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ของรัฐบาลเศรษฐา ว่า ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง ตนพยายามละเว้นจะวิจารณ์นโยบายของพรรคการเมืองคู่แข่ง แต่ในเมื่อรัฐบาลจะเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ จึงขอตั้งข้อสังเกตว่า ส่วนตัวรู้สึกเสียดายเงิน 5.6 แสนล้านบาท เงินจำนวนดังกล่าวหากนำมาแจกคนยากจน ประมาณ 10 ล้านคน เป็นจำนวน 1 แสนล้านบาท ยังพอรับได้ แต่หากนำมาแจกให้พวกเศรษฐี และชนชั้นกลางด้วย ซึ่งใช้เงินไม่กี่วันก็หมด ตนมองว่าเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำโดยใช่เหตุ เรานำเงินจำนวนนี้ไปทำประโยชน์ให้กับประเทศได้อีกมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราสามารถสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ ด้วยเงินเพียง 4 แสนกว่าล้านบาท จะสามารถอยู่ได้เป็นสิบๆ ร้อยๆ ปี เทียบกับที่เราเอามาใช้หมดเปลืองในเวลาเพียงไม่กี่วัน ด้วยเหตุผลว่าได้หาเสียงไว้แล้ว      

นายพิสิฐ กล่าวต่อว่า ตนเห็นด้วยกับนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ที่ออกมาคัดค้าน อีกทั้งเงินดิจิทัลวอลเล็ต ก็ยังไม่มีรัฐบาลอื่นใดในโลกนี้ทำ จึงถูกจับตามองอย่างเป็นข้อกังขาว่า เหตุใดรัฐบาลไทยจึงมาแตะต้องเรื่องนี้ รวมถึงกฎหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เองก็ระบุไว้ชัดว่า การพิมพ์ธนบัตรและออกเงินตราเป็นหน้าที่ของ ธปท. จริงอยู่ที่กฎหมายอนุญาตว่า เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่เชื่อว่า ตำแหน่งดังกล่าวก็ใช่ว่ามีความรู้ก็มาเซ็นอนุมัติ แต่ต้องมีเหตุผลที่ดีพอ เพราะหากมีการพิมพ์ธนบัตรดิจิทัลปลอมขึ้นมา ใครจะติดตามรับผิดชอบ เพราะยังไม่มีโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรับผิดชอบเรื่องนี้ ทำไมจึงใช้ช่องว่างของกฎหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลังดำเนินการได้ สำหรับการชดเชยการขาดดุลก็ยังไม่ชัดเจน แต่เท่าที่ฟังจาก รมช.คลัง ชี้แจง เห็นว่าจะนำมาจากงบประมาณที่รัฐเก็บได้สูงเกินเป้าหมาย แต่ความจริงเงินจำนวนดังกล่าวถือเป็นเงินคงคลัง ซึ่งวิธีดังกล่าวจึงเป็นการเบียดบังเงินคงคลังโดยใช่เหตุ หากจะนำเงินของธนาคารออมสินมาใช้ เงินดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นของนักเรียนที่ส่งเสริมให้เด็กออมเงิน แปลว่ารัฐบาลนี้ทำตัวอย่างที่ไม่ดี คือนำเงินมาแจกให้บริโภค ซึ่งเป็นเรื่องย้อนแย้งกัน

...

“ธนาคารออมสินก่อตั้งโดยรัชกาลที่ 6 และมีคำว่า ‘ออม’ อยู่ในชื่อ แต่กลายเป็นว่ารัฐบาลนี้ริอาจจะนำเงินนี้มาผลาญเล่น ซึ่งจะกลายเป็นหนี้สาธารณะ ที่อนาคตเราก็ต้องมาเก็บภาษีคืนให้ ซึ่งก็ไม่ถูกต้อง” นายพิสิฐ กล่าว

นายพิสิฐ กล่าวอีกว่า ตนไม่เชื่อว่างบประมาณของนโยบายนี้จะมาจากงบประมาณปี 2567 เพราะต้องใช้เป็นรายจ่าย หากเอาเงินนอกงบประมาณมาใช้ผลาญเล่นก็จะเกิดผลกระทบกับระบบการเงิน จึงไม่อยากเชื่อว่าจะนำอนาคตมาเสี่ยงอย่างที่หลายคนเตือน และทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ก็ตั้งแท่นศึกษาแล้วว่า จะเป็นการทุจริตครั้งใหญ่หรือไม่ ส่วนกรณีหุ้นตกนั้น ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่สะท้อนความรู้สึกของนักลงทุน ว่า เขาไม่มั่นใจกับโครงการนี้