โฆษกรัฐบาล เผย “เศรษฐา” เดินหน้านโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท พร้อมนำข้อเสนอแนะจากทุกฝ่ายมาพิจารณาเพิ่ม เชื่อ กระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เกิดประโยชน์วงกว้าง เพิ่มโอกาสคนรายได้น้อยลืมตาอ้าปาก

วันที่ 10 ตุลาคม 2566 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันเดินหน้านโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท เชื่อมั่นว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มโอกาสให้กับภาคประชาชนและครัวเรือน เป็นการกระตุ้นกำลังทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล พร้อมขอบคุณหน่วยงานต่างๆ ที่เห็นแก่ความตั้งใจจริงของรัฐบาล และต้องการช่วยเหลือประชาชน จึงออกมาสนับสนุนแนวความคิดนี้ ซึ่งรัฐบาลจะนำข้อคิดเห็นต่างๆ มาพิจารณาเพื่อเป็นโอกาสให้ได้ปรับปรุงแนวทางในการดำเนินนโยบายให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า จากผลสำรวจของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประชาชนกลุ่มตัวอย่างจำนวนทั้งสิ้น 1,280 คนจากทั่วประเทศ ถึงทัศนะต่อนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท พบว่ามีสัดส่วนถึง 76.4% ที่จะใช้เงินดิจิทัล โดยอยากใช้ซื้อสินค้าในครัวเรือนมากที่สุด 24.5% รองลงมาคือใช้ซื้ออาหาร 21.0% ในขณะเดียวกัน มีกลุ่มตัวอย่าง 48.3% เชื่อว่าเงินดิจิทัลจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ได้มาก และ 35.6% เชื่อว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ปานกลาง 

ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเงินดิจิทัล จะนำข้อเสนอแนะต่างๆ มาพิจารณาการประชุมในวันที่ 12 ตุลาคม 2566 จากนั้นจะนำผลสรุปเสนอต่อคณะกรรมการชุดใหญ่ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในวันที่ 24 ตุลาคม 2566 

ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

...

นายชัย ระบุอีกว่า รัฐบาลตั้งใจให้การดำเนินนโยบาย Digital Wallet ทำให้เศรษฐกิจปีหน้าเติบโต 5% เมื่อเศรษฐกิจขยายตัว จะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น เกิดการจ้างงาน และการลงทุน รัฐบาลจัดเก็บภาษีได้ เพิ่มขึ้น และสุดท้าย สามารถจัดทำงบประมาณสมดุลได้ ส่วนแหล่งที่มาของเงินที่จะนำมาใช้ในโครงการ จะมาจากหลายแหล่ง ทั้งการนำเงินงบประมาณส่วนเกินจากของหน่วยงานราชการ การใช้เงินตามมาตรา 28 พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลัง พ.ศ. 2561 และอื่นๆ โดยจะมีการดำเนินการภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด

“รัฐบาลขอบคุณแนวความคิดเห็น ข้อชี้แนะ ที่ทุกภาคส่วนเสนอเข้ามา โดยพร้อมนำข้อเสนอแนะต่างๆ มาปรับปรุงให้เกิดความสมดุล อาทิ เงื่อนไข ข้อจำกัดต่างๆ ทั้งนี้ รัฐบาลต้องการให้เป็นนโยบายที่ได้ประโยชน์กับพี่น้องคนไทยมากที่สุด เกิดประโยชน์ในวงกว้าง เป็นการกระตุ้นทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพื่อเพิ่มโอกาสให้พี่น้องคนไทยที่มีรายได้น้อยลืมตาอ้าปากได้”