“เศรษฐา” วางมิติใหม่ลุย งาน เน้นถกวงเล็กขับเคลื่อน นโยบาย ควง “อุ๊งอิ๊ง” ถก กก.ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เสริมเขี้ยวเล็บขีดความสามารถของประเทศ “แพทองธาร” โอ่แผนปั้น 11 อุตสาหกรรม โกยรายได้ปีละ 4 ล้านล้าน จ้างงานเพิ่ม 20 ล้านตำแหน่ง “นายกฯนิด” ยก 2 นิ้วชมเปาะ “อุ๊งอิ๊ง” เก่งและดีมาก “ภูมิธรรม” นัดหารือกรรมการศึกษาประชามติ 10 ต.ค. ขีดเส้นนำร่องทำประชามติไตรมาสแรกปี 67 เล็งถามประชาชน 2 ครั้งใช้งบฯ 7-8 พันล้าน “ก้าวไกล” ตั้งแง่  2  เงื่อนไข ไม่ร่วมวง 35 อรหันต์  “ไอติม” ระบุเป้าหมายไม่ชัดเจน บี้แก้ รธน.ทั้งฉบับและ ส.ส.ร. ต้องเลือกตั้งทั้งหมด

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง เดินหน้าลุยทำงานอย่างเต็มที่ โดยได้แสดงให้เห็นถึงการทำงานในมิติใหม่ เน้นเรียกประชุมร่วมกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องเป็นวงเล็กอย่างไม่เป็นทางการ ไม่เน้นการประชุมคณะใหญ่ เพื่อการขับเคลื่อนงานและการดำเนินนโยบายให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว

...

“เศรษฐา” ยิ้มแย้มนำทีมประชุม ครม.

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 3 ต.ค. ที่ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยนายกฯสวมเสื้อผ้าไหมไทยสีม่วง มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ทักทายสื่อมวลชน อย่างไรก็ตามวันเดียวกันนี้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม แจ้งลาการประชุมขณะที่วาระการประชุมมีไม่มาก มีวาระเพื่อพิจารณา 8 เรื่อง วาระเพื่อทราบ 8 เรื่อง

ทำงานมิติใหม่ต้องพร้อมคุยวงเล็ก

ต่อมาเวลา 11.55 น. ภายหลังประชุม ครม.นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งถึงการเรียก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.เข้าพบว่า การพบปะข้าราชการระดับสูง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ หัวหน้าหน่วยงาน ไม่ว่าจะด้านการเงินการคลัง ฝ่ายความมั่นคง จากนี้จะเป็นการทำงานลักษณะแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องไปประชุมใหญ่องคาพยพขนาดใหญ่หลายสิบคนเอา 3-4 คนหรือ 6 คนเต็มที่ จากนั้นจะสั่งการและรับฟังความคิดเห็นจากเหตุการณ์ปัจจุบัน ถือเป็นมิติใหม่ในการทำงาน ไม่มีอะไรผิดปกติ เราทำกันมาอยู่แล้วและภาคส่วนอื่นก็ทำเช่นนี้ ถ้าไม่มีการพูดคุยน่าเป็นห่วงมากกว่า การประชุมต่อไปนี้ไม่ต้องเป็นทางการมาก ไม่ต้องเตรียมงาน แต่จะกระตุ้นให้ทุกคนและตนเองว่าข้อมูลต้องพร้อม เตรียมตัวให้ดีตลอดเวลา ไม่ต้องไปเตรียมตัว 2-3 วัน บอกเช้ามาบ่ายได้ อยากให้ผู้ร่วมงานทุกคนและหน่วยงานกระตือรือร้น ไม่ต้องซีเรียสมากที่จะมาพูดคุยกัน ถ้าหากไม่รู้ไม่เป็นไร กลับไปหาข้อมูลกันมาได้

กำชับทุกหน่วยใช้งบฯ คำนึงถึง ปชช.

เมื่อถามถึงกรณีที่มีข่าวให้กองทัพชะลอการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ใหม่ ในงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ไว้ก่อน นายกฯกล่าวว่า จากการเปิดประชุมสัมมนาการมอบนโยบายและแนวทางจัดทำงบฯปี 2567 ได้พูดว่าต้องใช้งบฯให้เกิดประโยชน์สูงสุด อะไรใช้ไปแล้วไม่มีความจำเป็นไม่ควรจะใช้ ไม่ใช่แค่กองทัพหรือสถาบัน กรมไหน กระทรวงไหน ไม่ได้เจาะจง แต่เป็นนโยบายหลัก ขณะที่เราต้องใช้งบฯ ทุกกระทรวงต้องให้ความสำคัญตรงนี้ เมื่อถามว่าเบื้องต้นนายกฯมองหรือไม่ว่าโครงการไหนบ้างที่ควรยกเลิก ไม่ควรอยู่ในยุคนี้แล้วหรือปรับใช้ต่อไป นายกฯกล่าวว่า ไม่มี ต้องให้เกียรติเจ้ากระทรวงทุกกระทรวงไปพูดคุย การจัดซื้ออะไรต้องมาผ่าน ครม.อยู่ดี จึงได้สั่งการไปแล้วให้ดูให้ดี คำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน เมื่อถามว่าเมื่อมีนโยบายแบบนี้กองทัพคงไม่เสนอมา ถ้าเสนอมาจะไม่ผ่าน นายกฯกล่าวว่า ไม่ทราบว่าจะเป็นเครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ หรือกระสุนอะไร เพียงแต่เชื่อว่าทุกท่านเป็นผู้ใหญ่พอและคำนึงถึงผลประโยชน์ประเทศชาติบ้านเมืองเป็นหลักอยู่แล้ว ให้โอกาสท่านนิดนึง

ถ้ายกความเป็นอยู่ ปชช.ม็อบลดลง

นายเศรษฐายังกล่าวถึงกรณีการชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล จนต้องปิดถนนรอบทำเนียบรัฐบาลอยู่บ่อยครั้ง มีนโยบายอย่างไร ไม่ให้ประชาชนต้องมาชุมนุมถึงทำเนียบฯว่า เป็นเรื่องที่เรากังวลเหมือนกัน และเชื่อว่าถ้าเราสามารถยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนให้ทุกภาคส่วนสบายใจ และมั่นใจในรัฐบาล เชื่อว่าปัญหาเหล่านี้จะลดน้อยลงไป

“อิ๊ง” ผูกผ้าขาวม้าถกซอฟต์พาวเวอร์

ผู้สื่อข่าวรายงานก่อนประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2566 ที่มีนายเศรษฐา เป็นประธานการประชุมที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14.20 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัฒกรรมพรรค พท. ในฐานะรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เดินทางถึงทำเนียบรัฐบาล ขึ้นไปยังตึกไทยคู่ฟ้าทางประตูด้านหลัง ก่อนที่เวลา 14.30 น. นายเศรษฐา ที่ไปเป็นประธานงาน Bangkok Post Forum 2023 โอกาสครบรอบ 77 ปี ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ จะกลับมาที่ตึกไทยคู่ฟ้า

จากนั้นเวลา 14.57 น. นายเศรษฐาและน.ส.แพทองธาร เดินลงจากตึกไทยฯมาพร้อมกัน โดยนายเศรษฐา สวมสูทลายผ้าขาวม้าสีสดใสโทนสีช็อกกิ้งพิ้ง ขณะที่ น.ส.แพทองธารผูกผ้าขาวม้าคาดเอว เรียกเสียงฮือฮาให้สื่อมวลชนที่มารอติดตามทำข่าว โดยนายกฯ และ น.ส.แพทองธาร หยุดยืนให้ถ่ายภาพด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส นายกฯกล่าวว่า “เป็นการประเดิมซอฟต์พาวเวอร์ อุ๊งอิ๊งสวมผ้าไทยผ้าขาวม้าผูกเอว” ออกแบบโดยดีไซเนอร์ไทย ไม่ใช่ผ้าขาวม้าที่ได้มาตอนหาเสียง ผืนใหญ่ไม่พอ ตนชอบสีสดใสอยู่แล้ว คนตัดก็ตัดได้ดีตัดได้สวย ดีไซเนอร์เก่ง จากนั้นนายเศรษฐาได้เรียกน.ส.แพทองธาร มาเดินคู่กันเข้าห้องประชุม

ยกเป็นเครื่องมือเพิ่มขีดความสามารถ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมมีรัฐมนตรีเข้าร่วมจำนวนมาก อาทิ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม พร้อมกรรมการ อาทิ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี นายพิมล ศรีวิกรม์ และนายชุมพล แจ้งไพร เชฟชื่อดัง เป็นต้น โดยนายกฯกล่าวตอนหนึ่งว่า เป็นการหารือร่วมกันระหว่าง ส่วนราชการ ภาคเอกชน และผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อพิจารณาแนวทางขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ประเทศไทยอย่างบูรณาการ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ของไทยอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นเครื่องมือช่วยเพิ่มมูลค่าให้สินค้าและบริการ รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ส่งเสริมภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประเทศไทยในเวทีโลก มีเป้าหมายในการขับเคลื่อนการทำงานและแผนงานผ่านคอนเทนต์ 11 อุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์เป้าหมายในประเทศไทย

“อิ๊ง” โอ่ปั้นรายได้ปีละ 4 ล้านล้าน

ด้าน น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนนโยบายนี้ ขอนำเสนอแผนยุทธศาสตร์ซอฟต์เพาเวอร์แห่งชาติ สร้างระบบนิเวศแก่อุตสาหกรรมไทย ประเทศไทยจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยแรงงานทักษะสูงและการสร้างสรรค์อุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์สาขาต่างๆ รวมถึงการทูตเชิงวัฒนธรรม ศักยภาพของวัฒนธรรมและศักยภาพของคนไทย ถ้าได้รับการสนับสนุนเต็มที่จะไปได้ไกล จะทำควบคู่ไปกับนโยบายรัฐบาล เรามุ่งยกระดับคุณภาพและทักษะของคนไทย 20 ล้านคน ให้เป็นแรงงานทักษะสูง ถ้าเราทำนโยบายได้สำเร็จจะมีรายได้เข้าประเทศ 4 ล้านล้านบาทต่อปี และการจ้างงานเพิ่มขึ้น 20 ล้านตำแหน่ง รวมถึงเศรษฐกิจจะเติบโตถือเป็น 1 ในผู้นำของโลกเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ จะแบ่งการทำงานเป็นขั้นตอนคือการพัฒนาคน เฟ้นหาคนที่มีความฝัน 1 คน 1 ครอบครัว นำมาพัฒนาศักยภาพให้เป็นแรงงานที่มีศักยภาพ ไม่มีค่าใช้จ่าย และพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ 11 ประเภทให้ครอบคลุม จะปรับแก้กฎหมาย ระเบียบข้อบังคับต่างๆที่ไม่สอดคล้องกับปัจจุบัน อำนวยความสะดวกให้อุตสาหกรรมต่างๆ สร้างวันสต็อปเซอร์วิส สนับสนุนเงินทุนวิจัยและพัฒนา สร้างแรงจูงใจด้านภาษี ในชุมชนจะสร้างศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบทุกจังหวัด เพื่อให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน

ดัน “world water festival” ระดับโลก

น.ส.แพทองธารกล่าวต่อว่า ซอฟต์พาวเวอร์ไทยจะผลักดันให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ระดับสากล โดยความร่วมมือของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์ จะทำให้เทศกาลของคนไทยมีโอกาสในต่างประเทศ เริ่มนับหนึ่งตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค.นี้ ตั้งเป้าหมายระยะสั้นและระยะกลาง 100 วันแรกภายในวันที่ 11 ม.ค.67 กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองจะพร้อมให้ประชาชนที่สนใจลงทะเบียน และจะปรับปรุงศูนย์บ่มเพาะสร้างสรรค์ให้สถาบันต่างๆ และเปลี่ยนแปลงข้อกฎหมายระดับกระทรวงหรือ พ.ร.ฎ.ให้สอดคล้อง รวมถึงการจัดเทศกาลฤดูหนาวในกรุงเทพฯอย่างยิ่งใหญ่ภายใน 6 เดือนหรือในวันที่ 3 เม.ย.67 จัดงานสงกรานต์ให้เป็น world water festival เป็นเทศกาลระดับโลก ภายใน 1 ปี วันที่ 3 ต.ค.67 ทั้งนี้จะเสนอ พ.ร.บ.THACCA ผ่านสภาฯมั่นใจว่าอุตสาหกรรมของเราจะเข้มแข็งขึ้นในอนาคตอันใกล้ เป็นที่รู้จัก ประเทศไทยต้องมีชื่อเสียงกว้างไกลระดับโลก จะเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมทั้งประเทศ 20 ล้านครอบครัว ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น กลายเป็นประเทศที่มีรายได้สูง

ชูนิ้วโป้งชม “อิ๊ง” เก่ง–ดีมาก

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์การตั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ร่วมอยู่ในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เหมือนเป็น ครม.เงาว่า จะมีการประชุมในช่วงบ่ายวันเดียวกัน พร้อมชูนิ้วโป้ง 2 นิ้ว ให้สื่อมวลชน เมื่อถามย้ำว่าไม่ได้เป็น ครม.เงาใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า “เดี๋ยวคอยฟังการแถลงข่าวดีกว่า ผมรับรองได้ว่า เก่งและดีมาก” ก่อนจะยกนิ้วโป้ง 2 นิ้วอีกครั้ง พร้อมระบุที่ชูนิ้วโป้ง ไม่ได้โกรธนะ แต่แปลว่า “เก่งและดีมาก” จากนั้นเวลา 17.30 น. นายเศรษฐา พร้อม น.ส.แพทองธาร เดินทางเข้าพรรค พท.ร่วมประชุมกับ สส. โดยไม่เปิดให้ผู้สื่อข่าวเข้ารับฟังเช่นทุกครั้ง โดยนายเศรษฐาเล่าให้ที่ประชุมรับฟังถึงการทำงานช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เพิ่งแต่งตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางทำประชามติ 35 คน และจะลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมภาคอีสานวันที่ 6-7 ต.ค. จากนั้นร่วมทานอาหารเย็นกับ สส.ของพรรค

รบ.ทำประชามติไตรมาสแรกปี 67

อีกเรื่อง เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ แถลงแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ได้รับมอบหมายให้สรรหาผู้ทรงคุณวุฒิและตัวแทนกลุ่มวิชาชีพต่างๆ อาจใช้เวลานานในการสรรหา หลักการสำคัญของการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่แตะหมวด 1 และ 2 และไม่แตะพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ที่แทรกในหมวดต่างๆ นอกเหนือจากนั้นจะพัฒนาให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น จะจัดทำให้แล้วเสร็จ รวมถึงกฎหมายลูกภายใน 4 ปี เพื่อจะให้การเลือกตั้งครั้งใหม่ควรเป็นไปตามกติกาที่ผ่านความเห็นชอบจากประชาชน คณะกรรมการแม้จะมี 35 คนจากภาคต่างๆ แต่ยังไม่ครอบคลุมทั้งหมด จึงกำหนดจะพบหารือตัวแทนกลุ่มวิชาชีพต่างๆ เช่น เชิญอธิการบดีและสภานักศึกษามหาวิทยาลัยต่างๆ ภาคธุรกิจ ภาคเกษตร และภาคสื่อมวลชน คณะกรรมการชุดนี้กำหนดว่า ต้องมาจากฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน จะเชิญพรรค การเมืองขนาดเล็กหารืออีกครั้ง นัดประชุมนัดแรกวันที่ 10 ต.ค. เวลา 15.00 น. คิดว่าการทำประชามติครั้งแรกจะเกิดขึ้นในไตรมาสแรกในปี 67

รอ ก.ก.ยังไม่ส่งตัวแทนร่วม 35 อรหันต์

นายภูมิธรรมกล่าวอีกว่า เราพยายามดึงทุกภาคส่วนมาเข้าร่วมให้มากที่สุด รายชื่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 จำนวน 35 คน ประกอบด้วย ตน ประธานกรรมการ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองประธานกรรมการ คนที่ 1 นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ รองประธานกรรมการคนที่ 2 นายนิกร จำนง เป็นกรรมการและโฆษกคณะกรรมการกรรมการประกอบด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง นายพิชิต ชื่นบาน พล.อ.ชัชวาล ขำเกษม พล.ต.อ.สุเทพ เดชรักษา พล.ต.อ.วินัย ทองสอง นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นายศุภชัย ใจสมุทร นายวิรัตน์ วรศสิริน นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท นายวิเชียร ชุบไธสง นายวัฒนา เตียงกูล นายยุทธพร อิสรชัย นายไพบูลย์ นิติตะวัน นายพรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา นายประวิช รัตนเพียร นายนพดล ปัทมะ นายธนกร วังบุญคงชนะ นายธงชัย ไวยบุญญา นายเทวัญ ลิปตพัลลภ นายเดชอิศม์ ขาวทอง นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ นายชาติพงษ์ จีระพันธุ นายชนะโรจน์ เทียนธนะวัฒน์ นางสิริพรรณ นกสวน สวัสดี น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ ขณะที่พรรคก้าวไกลแสดงความจำนงว่าจะเข้าร่วมแต่ยังไม่ส่งรายชื่อเข้ามา นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ปลัดสำนักนายกฯ เป็นกรรมการและเลขานุการ นายนพดล เภรีฤกษ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองเลขาธิการนายกฯฝ่ายการเมือง และผู้ช่วยเลขานุการ

เล็งถาม ปชช.2 ครั้ง ใช้งบฯ 7–8 พันล้าน

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ขอให้พรรค ก.ก.เข้ามาเสนอความคิดเห็น ไม่ว่าพรรคไหนไม่ใช่ตัวแทนประชาชนทั้งหมด ท่านเป็นเพียงหนึ่งความเห็นต้องมาดูว่าคนส่วนใหญ่จะคิดอย่างไร ประเด็นของท่านถูกนำเสนอแน่ หากไม่เข้าร่วมอาจเสนอความเห็นผ่านช่องทางอื่นๆได้ ถ้าประชุมไป 2 ครั้งแล้วพรรค ก.ก.ยังไม่เสนอชื่อมาอาจพิจารณาตัดออก ทั้งนี้คณะกรรมการตีโจทย์ 3 ประเด็นคือ 1.กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ควรเป็นอย่างไร แก้แบบไหน ใช้ ส.ส.ร.หรือไม่ จะเลือกมาแบบใด จังหวัดละคน แบ่งสัดส่วนตามจำนวนประชากร หรือมีทั้งเลือกตั้งและบางส่วนมาจากผู้ทรงคุณวุฒิกลุ่มวิชาชีพ 2.จะทำประชามติกี่ครั้ง เราอยากประหยัดทำน้อยที่สุด แต่ละครั้งต้องใช้งบฯ 4-5 พันล้านบาท ต้องดูให้ถูกต้องตามแนวทางที่ศาลรัฐธรรมนูญวางไว้ หากทำได้ 2 ครั้ง ก่อนและหลังแก้จะดีที่สุด ใช้งบฯ 7-8 พันล้านบาท และยังประหยัดเวลาแก้รัฐธรรมนูญแต่ละครั้ง อาจใช้ราว 4 เดือน และ 3.คำถามในประชามติครั้งแรกจะเป็นอย่างไร นอกจากใช้เวลา 4 ปีแล้วสำคัญที่สุดต้องทำให้ผ่าน เอาความเห็นต่างมาคุยกันให้ตกผลึกหาจุดร่วมที่ทำได้

ก.ก.พร้อมแจงมติขับ “ปดิพัทธ์”

ที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) มีการประชุม สส.ของ พรรคประจำสัปดาห์ หารือหลายประเด็น อาทิ จะตอบรับร่วมเป็นคณะกรรมการศึกษาการทำประชามติแก้ร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยช่วงเช้า นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรค ก.ก. ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมถึงกรณีวิปรัฐบาลอาจมีมติส่งเรื่องพรรค ก.ก. ขับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลกและรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า เป็นสิทธิของ สส.และวิปรัฐบาล แต่ยืนยันเราดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ และข้อบังคับพรรคพร้อมชี้แจงทุกประเด็น ต้องดูรายละเอียดคำร้องและท่าทีศาลรัฐธรรมนูญเป็นอย่างไร พูดได้เพียงทุกอย่างเป็นไปตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับ

เป้าหมายไม่ชัด–ยังไม่ร่วม กก.ประชามติ

ช่วงบ่าย ประชาสัมพันธ์พรรค ก.ก.เผยแพร่มติที่ประชุม สส.ระบุว่า พรรค ก.ก.มีมติไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุมในฐานะกรรมการในคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้วยเหตุผลหลายข้อ อาทิ พรรค ก.ก.มีจุดยืนสนับสนุนให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดย ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งทางตรงของประชาชนทั้งหมด เสนอว่าควรเริ่มต้นจากการจัดประชามติ ด้วยคำถามว่าเห็นชอบหรือไม่ว่าประเทศไทยควรมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ แทนที่รัฐธรรมนูญ 2560 โดย ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งทางตรงของประชาชนทั้งหมด โดยไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ ขอบคุณรัฐบาลที่ให้เกียรติ แต่ ณ เวลานี้ขอสงวนสิทธิไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วม ยังไม่ได้รับความชัดเจนเกี่ยวกับเป้าหมาย กรอบภาพใหญ่ ที่คณะกรรมการยึดถือ โดยเฉพาะจุดยืนในการสนับสนุนการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ และ 2.การจัดทำโดย ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งทางตรงของประชาชนทั้งหมด หากในอนาคตรัฐบาลยืนยันหรือคณะกรรมการได้ข้อสรุปร่วมกันว่าจะเดินหน้าภายใต้ 2 จุดยืนดังกล่าว พรรค ก.ก.ยินดีให้ตัวแทนเข้าร่วมประชุมในฐานะกรรมการ

ตั้ง 2 เงื่อนไขรื้อทั้งฉบับ–ส.ส.ร.เลือกตั้ง

ต่อมาเวลา 15.20 น. นายพริษฐ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ได้ติดต่อมาผ่านนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค ก.ก. เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้แจ้งกลับไปว่านำมาหารือกับ สส.พรรคก่อน เหตุผลหลักที่พรรค ก.ก.ยังไม่ตอบรับเข้าร่วม เพราะแสดงจุดยืนมาตลอด 2 หลักการ คือ 1.จัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ไม่ใช่การแก้ไขเพียงบางหมวดหรือบางมาตรา 2.ต้องมี ส.ส.ร.จากการเลือกตั้งทั้งหมด ไม่ใช่ ส.ส.ร.ที่มีส่วนผสมของการแต่งตั้ง หากรัฐบาลรวมถึงคณะกรรมการศึกษาฯยืนยัน อยู่ภายใต้ 2 หลักการนี้ พรรคยินดีส่งตัวแทนเข้าร่วม สถานะปัจจุบันเรายังไม่ให้คำตอบ ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ หากรัฐบาลให้ความชัดเจนจะหาข้อสรุปได้ง่ายขึ้น ไม่ควรย้อน 2 หลักการสำคัญดังกล่าว ควรจะมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด ให้มีตัวแทนจากทุกชุดความคิดอยู่ในนั้น แต่ถ้าเราเปิดช่องให้ ส.ส.ร.บางส่วน มาจากการแต่งตั้ง มันมีความสุ่มเสี่ยงว่ากระบวนการต่างๆ อาจจะถูกผูกขาดหรือครอบงำโดยบางชุดความคิดเท่านั้น เมื่อถามว่าจะไม่ถูกมองว่าเป็นการยื้อเวลาหรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า เข้าใจว่านายภูมิธรรมให้ความเห็นไว้ว่ากรอบเวลาไม่เกิน 3-4 เดือน เป็นกรอบเวลาที่พอรับได้ คิดว่าควรทำเร็วกว่านั้นได้ ในเมื่อเคยได้ข้อสรุปร่วมกันแล้ว

โหวตลับเคาะ ปธ.กมธ.10 คณะ

ช่วงเย็น ที่ประชุม สส.พรรค ก.ก.มีการโหวตคัดเลือก สส.ที่จะเสนอชื่อเป็นประธานคณะ กมธ. สภาฯตามโควตาพรรค ให้ สส.ผู้ลงชิงตำแหน่ง นำเสนอแผนและเป้าหมายการทำงาน จากนั้นให้สส.โหวตลงคะแนนลับ สแกนคิวอาร์โค้ด ผลปรากฏว่า นายศักดินัย นุ่มหนู สส.ตราด เป็นประธาน กมธ.การเกษตรฯ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. เป็นประธาน กมธ.สวัสดิการสังคม นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ เป็นประธาน กมธ.การทหาร นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ เป็นประธาน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ เป็นประธาน กมธ.พัฒนาการเมืองฯ น.ส.เบญจา แสงจันทร์ เป็นประธานคณะ กมธ.กิจการศาล องค์กรอิสระฯ นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สส.บัญชี รายชื่อ เป็นประธาน กมธ.การพัฒนาเศรษฐกิจ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เป็นประธาน กมธ.ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ เป็นประธาน กมธ.การวิทยาศาสตร์ฯ นายอภิชาติ ศรีสุนทร สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะเลขาธิการพรรค เป็นประธาน กมธ.ที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม

“ลุงป้อม” ลั่นอยู่ พปชร.ตลอดไป

เมื่อเวลา 13.50 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. เป็นประธานเปิดอบรมหลักสูตรเสริมสร้างศักยภาพ สส.พรรค พปชร. โดย พล.อ.ประวิตรอยู่ในสีหน้ายิ้มแย้ม สวมเสื้อแจ็กเกตพรรคกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “สบายดี ไปดูเอเชียนเกมส์มา” เมื่อถามว่ายังเป็น สส.อยู่ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า “ยังเป็นอยู่ แต่จะตลอดไปหรือไม่ ยังไม่รู้” เมื่อถามว่า ยังอยู่กับพรรค พปชร.อีกนานใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า “ตลอดไป” จากนั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวเปิดอบรมตอนหนึ่งว่า นักการเมืองต้องปรับตัวเรียนรู้ให้เท่าทันสถานการณ์เพื่อนำไปปรับใช้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติและประชาชน ก่อนจะให้สัมภาษณ์สั้นๆว่า “เจ็บที่ขา ต้องให้หมอมานวด ไม่ได้ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่”

“ธรรมนัส” ปัดเกาเหลา “พัชรวาท”

ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรค พปชร.ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวจะลาออกจากพรรคว่า ไม่มี ยังเป็นเลขาฯพรรคอยู่ ต้องเป็นตัวหลักให้กับพรรค “ถ้าลุงหยุด เราต้องเป็นตัวหลัก” เมื่อถามว่า การทำงานระหว่าง สส.ขั้ว ร.อ.ธรรมนัส และขั้วของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประธานที่ปรึกษาพรรคพปชร.เป็นอย่างไร ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า พปชร.ไม่มีขั้ว กับ พล.ต.อ.พัชรวาทพูดคุยกันทุกเช้า อย่าเข้าใจผิดว่าเราทะเลาะกัน

“นฤมล” ย้ายวิกนั่งผู้แทนการค้า

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวแต่งตั้งนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีต รมช.แรงงาน แกนนำพรรค พปชร.เป็นผู้แทนการค้าไทย โดยนายเศรษฐาพยักหน้ายอมรับก่อนตอบว่า “ถูกต้องครับ” ขณะที่นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงว่า ที่ประชุม ครม.มีมติแต่งตั้งนางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี บุตรสาวนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี แกนนำพรรค รทสช.เป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกฯ นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ และ น.ส.รังสิมา รอดรัศมี เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี

เครือข่าย นศ.ร้องคืนสิทธิประกันตัว ม.112

ที่สำนักงานศาลฎีกา เลขที่ 6/1 ถนนราชินี แขวงบรมมหาราชวัง เขตพระนคร เครือข่ายนักศึกษา ประชาชนคืนความยุติธรรมจาก 33 กลุ่มกิจกรรมนักศึกษาและเยาวชน อาทิ องค์การนักศึกษา ม. ธรรมศาสตร์ สโมสรนิสิตคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฯลฯ นำโดยนายอันเจลโลว์ ศตายุ สาธร จากกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกถึงประธานศาลฎีกา ใจความว่า 1. ขอให้คืนสิทธิประกันตัวให้ประชาชน 2.ยุติการดำเนินคดีตาม ป.อาญามาตรา 112 ต่อประชาชน เนื่องจากปัจจุบันมีประชาชนที่เป็นผู้ต้องขังทางการเมือง ไม่ได้รับสิทธิประกันตัวเป็นคดีที่ยังไม่ได้รับคำพิพากษาจากศาลฎีกา 25 ราย สวนทางกับผู้ต้องหาในคดีอื่นๆที่มีอัตราโทษสูงกว่า ส่งผลให้หลักนิติธรรมของประเทศเสื่อมเสีย และความเชื่อมั่นในฝ่ายตุลาการลดลง

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่