นายกฯ พร้อมคณะออกเดินทางเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการ กระชับความสัมพันธ์ 2 ประเทศ ประกาศส่งต่อเงินเดือน-เบี้ยประชุมทุกบาท ตลอดการเป็นนายกฯ-รมว.คลัง ให้มูลนิธิต่างๆ ประเดิม “มูลนิธิเด็ก” ที่แรก ยันทำมาก่อนเป็นนายกฯ ไม่ขอเป็นตัวอย่างกดดันรัฐมนตรีทำตาม
วันที่ 28 กันยายน 2566 เมื่อเวลา 09.10 น. ณ ท่าอากาศยานทหาร 2 (กองบิน 6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะ ออกเดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติกรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ในโอกาสเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการ โดยนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภารกิจสำคัญของนายกรัฐมนตรี ดังนี้
นายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางถึงกรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา เวลา 10.30 น. โดยมีนายฮวด ฮะ (รัฐมนตรีเกียรติยศ) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความสัมพันธ์กับรัฐสภา-วุฒิสภาและการตรวจสอบของกัมพูชา ให้การต้อนรับ หลังจากนั้น กำหนดการแรก เวลา 10.50 น. นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ณ ห้องโถงกระวาน (Kravan Hall) วิมานสันติภาพ (Peace Palace) หรือ สำนักนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และเข้าหารือทวิภาคีกับ สมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งหลังจากนั้นในเวลาเที่ยง นายกรัฐมนตรีกัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน เพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรี
ในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปวางพวงมาลา ณ วิมานเอกราช (Independence Monument) และวางพวงมาลาถวายสักการะแด่พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ พระบรมรัตนโกศ โดยหลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการเข้าเยี่ยมคารวะสมเด็จมหารัฐสภาธิการธิบดี ควน โซะดารี ประธานรัฐสภากัมพูชา ณ สภาแห่งชาติกัมพูชา รวมถึงเข้าเยี่ยมคารวะสมเด็จวิบุลเสนาภักดี ซาย ชุม ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์และประธานวุฒิสภากัมพูชา ณ วุฒิสภากัมพูชา
...
สำหรับกำหนดการสุดท้าย นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการเข้าเยี่ยมคารวะสมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานองคมนตรีกัมพูชา พร้อมเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำอย่างเป็นทางการที่ประธานองคมนตรีกัมพูชาเป็นเจ้าภาพเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรี โดยเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ นายกรัฐมนตรีจะเดินทางออกจากท่าอากาศยานนานาชาติกรุงพนมเปญ เวลา 19.00 น. และจะเดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร 2 (กองบิน 6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ เวลา 20.20 น.
นายชัย ยังเปิดเผยว่า นายเศรษฐา ขอส่งต่อเงินเดือน และเบี้ยประชุมของทุกเดือนที่ได้รับจากการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ตลอดการดำรงตำแหน่งให้มูลนิธิฯ ต่างๆ เพื่อช่วยเหลือผู้เปราะบางที่ต้องการการช่วยเหลือ
นายชัย กล่าวว่า นายกฯ มีดำริว่า “การให้” เป็นเรื่องที่ดี ตามแต่กำลังศรัทธาของแต่ละคน นายกฯ จึงตั้งใจเริ่มที่ตัวเองก่อน ขณะที่รัฐบาลเองมีหลายนโยบายที่พยายามอย่างมากในการมุ่งสร้างประโยชน์สุข และความเป็นอยู่ที่ดีให้กับคนไทย โดยเฉพาะเรื่องการศึกษา ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ทำให้เด็กที่มีความเสี่ยงหลุดออกจากระบบ ทั้งยังสามารถได้รับการศึกษาได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งทั้งหมดของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังทั้งหมด หลังจากได้รับมาแล้วรวมเป็นเงิน 125,590 บาทต่อเดือน (เงินเดือนตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 75,590 บาท เงินประจำตำแหน่ง 50,000 บาท) ขอส่งต่อให้กับกลุ่มที่เปราะบาง ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ทันที แต่สิ่งที่ทดแทนไม่ได้ คือหน้าที่ของรัฐที่ต้องดำเนินการสนับสนุนมูลนิธิต่างๆ เป็นการช่วยเหลืออีกทางหนึ่งซึ่งทำได้เร็วกว่าการพึ่งระบบของรัฐที่ต้องใช้เวลา เพราะต้องอาศัยการทำผ่าน พ.ร.บ.ต่างๆ ตามกลไกของรัฐสภาในการดำเนินการเพียงอย่างเดียว
นายชัย กล่าวอีกว่า สำหรับการคัดเลือกองค์กรที่จะได้รับความช่วยเหลือนั้น จะมีทีมงานเป็นผู้กำหนดเกณฑ์ โดยครั้งแรกจะบริจาคให้กับ มูลนิธิเด็ก (FOUNDATION FOR CHILDREN) ช่วยเหลือเด็กด้านปัจจัยพื้นฐาน การดำเนินชีวิตและสวัสดิการต่างๆ ให้เด็กมีพัฒนาการที่เหมาะสมทางร่างกาย สติปัญญา และจิตใจ รวมถึงทางด้านการศึกษา ที่สามารถช่วยให้เด็กเข้าระบบการศึกษาได้อย่างถูกต้องต่อไป อย่างที่แจ้งไว้ การส่งต่อเงินเดือนเป็นเพียงแค่ส่วนแรก ซึ่งนายกฯ พยายามที่จะหาโอกาสไปพบปะพูดคุยกับองค์กรกลุ่มต่างๆ เพื่อรับฟังเสียง รับทราบถึงปัญหา และความเดือดร้อนของมูลนิธิที่กำลังเผชิญอยู่ เพื่อที่จะได้หาแนวทางแก้ไขต่อไป
ด้านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงหลังประกาศไม่รับเงินเดือนและเบี้ยประชุมโดยจะบริจาคให้กับมูลนิธิต่างๆ ว่า เงินเดือนที่รับมาหลังจากหักภาษีก็จะมอบให้กับมูลนิธิ ถือเป็นความประสงค์ที่ตนได้ทำอยู่มาก่อนเป็นนายกรัฐมนตรี
ส่วนที่จะเป็นตัวอย่างให้กับรัฐมนตรีหรือไม่นั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า คงไม่ใช่เพราะเป็นความประสงค์ส่วนตัว อย่าไปกดดันคนอื่นเพราะบางคนก็มีความจำเป็นส่วนตัว แล้วแต่ความสมัครใจ
ทั้งนี้ได้ปรึกษาฝ่ายกฎหมายตรวจสอบเรื่องการบริจาคเงิน ทุกอันก็ให้บริจาคไปตามมูลนิธิต่างๆ ที่มีการตรวจสอบแล้ว เผื่อเอาไปช่วยเหลือภาคส่วนที่มีความต้องการเป็นเจตนารมณ์เท่านั้นเอง อย่าไปคิดอะไรมาก ทั้งนี้จะพยายามทำต่อไปเพราะตอนที่ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีก็ทำแบบนี้มาตลอด และไม่อยากพูดเยอะเดี๋ยวจะหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ปล่อยใครเงียบไปจะดีกว่า