“เศรษฐา” เป็นประธานหารือมาตรการเร่งรัดท่องเที่ยวระยะสั้น กันยายน 2566 - กุมภาพันธ์ 2567 พร้อมถกหน่วยงานด้านความมั่นคง ตำรวจ ตำรวจท่องเที่ยว ตม. วางแผนรับมือทัวร์จีน หลังเปิดฟรีวีซ่า

วันนี้ (12 กันยายน 2566) เมื่อเวลา 13.30 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยคณะผู้บริหารทั้งภาครัฐและเอกชนด้านการท่องเที่ยว เพื่อหารือมาตรการเร่งรัดการท่องเที่ยวระยะสั้น ในช่วงเดือนกันยายน 2566 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ณ ห้องรับรองพิเศษ 205 ชั้น 2 อาคารรัฐสภา 

ในที่ประชุมได้หารือเพื่อแก้ไขปัญหาในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยกำหนดแนวทางการอำนวยความสะดวกในด้านการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย (Ease of Travelling) ร่วมกับมาตรการการดูแลและรักษาความปลอดภัย ควบคู่กับการส่งเสริมการตลาดด้านการท่องเที่ยว เพิ่มการประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมภาพลักษณ์ในรูปแบบต่างๆ อาทิ Brand Ambassador หรือ Influencers สำหรับตลาดจีนเพื่อภาพลักษณ์ใหม่ การบูรณาการตลาดแบบพุ่งเป้ากับ Online Travel Agency (OTA) และการนำเสนอประสบการณ์การท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ (Experience Tourism) ในลักษณะการเชื่อมโยงเมืองหลักสู่การท่องเที่ยวเมืองรอง ทั้งของประเทศไทยและประเทศจีน

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงมาตรการระยะสั้นเพื่อดูแลความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเรื่องมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ทั้งระยะกลางและระยะยาว เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว สร้างเอกลักษณ์ กระแสความนิยมในประเทศไทย 

...

ต่อมาเวลา 15.30 น. นายเศรษฐา เป็นประธานการประชุมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านความมั่นคง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) โดยสั่งการให้หน่วยงานด้านความมั่นคงทำงานเชิงรุก เพิ่มความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมทั้งคนไทย เพื่อรองรับการบริหารสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวตามที่คาดการณ์ว่า ภายหลังจากการอนุญาตชั่วคราวให้ชาวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยแบบไม่ต้องขอวีซ่า ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม จะเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยในตลาดจีน จนมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้าไทยจำนวนมาก 

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ขอให้ทุกหน่วยงานสนับสนุนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลให้ความสำคัญ โดยเห็นแก่ความเดือดร้อนปากท้องประชาชนเป็นสำคัญ เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของเม็ดเงิน พัฒนาเศรษฐกิจประเทศ กระจายรายได้.