“วราวุธ” รมว.พม. ไร้กังวล หลังถูกอภิปรายนโยบายรัฐบาลเรื่องเบี้ยผู้สูงอายุ ขอโทษประชาชน เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดล่าช้า พรุ่งนี้พร้อมเสนอเข้า ครม.ทันที ส่วนกรณี “หยก” เน้นดูแลทั้งระบบ ไม่ใช่ปัจเจกบุคคล

วันที่ 12 กันยายน 2566 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์ที่รัฐสภา ถึงข้อกังวลในการแถลงนโยบาย ว่า วานนี้ (11 กันยายน) มีสมาชิกท่านเดียวที่พูดเกี่ยวกับประเด็นผู้สูงอายุ คาดว่าวันนี้น่าจะมีประเด็นเพิ่มเติม เพื่อนข้าราชการกระทรวง พม. รอและจะประเมินข้อสังเกตสมาชิกแต่ละท่าน แต่ก็ขอบคุณหลายฝ่ายที่ติดต่อเข้ามา 

“การทำงานของ พม. จากนี้ไปก็คงจะเป็นการทำงานเชิงรุกมากขึ้น และสร้างความตระหนักรับรู้ให้กับอีกหลายฝ่ายในสังคม ดังนั้นไม่กังวลเกี่ยวกับการแถลงนโยบาย”

ส่วนปัญหาเรื่องการจ่ายเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดนั้น นายวราวุธ ขอกราบขออภัยประชาชน โดยเฉพาะประมาณ 2,250,000 กว่าราย เป็นเด็กแรกเกิดที่รอรับเบี้ยเงินสนับสนุน 600 บาทต่อเดือน ที่ควรจะออกตั้งแต่วันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ที่ขออนุมัติในช่วงรอยต่อของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทำให้ ครม.ชุดเก่าไม่สามารถอนุมัติได้ และ ครม.ชุดใหม่ก็ยังไม่สามารถมีอำนาจในการเห็นชอบอนุมัติในการใข้งบประมาณ 

...

ทั้งนี้ ในวันที่ 13 กันยายน 2566 ตนจะชงของบประมาณอุดหนุนเด็กแรกเกิดเข้า ครม. เพื่อพิจารณาจำนวน 990 ล้านบาท แต่ก็ยังไม่พอ เพราะจะต้องมีเงินจากกรมบัญชีกลางอีกประมาณ 200 กว่าล้านบาท รวมเงินที่จะต้องใช้สำหรับอุดหนุนเด็กแรกเกิด 0-6 ขวบ ประมาณ 1,200 ล้านบาท สำหรับเด็กจำนวน 2,254,000 คน ครอบคลุมการจ่ายเงินอุดหนุนสำหรับเดือนกันยายน 2566 เท่านั้น เพราะตามรูปแบบการจ่ายเงินอุดหนุนจะต้องของบประมาณเดือนต่อเดือน ซึ่งเป็นรูปแบบที่จ่ายกันมานาน อย่าว่าแต่ของบมาเป็นก้อนใหญ่เพื่อให้ครอบคลุมการจ่ายไปหลายเดือน เพราะบางครั้งขอเดือนต่อเดือนยังต้องแบ่งจ่ายเป็นควอเตอร์ 

นายวราวุธ กล่าวต่อไปว่า หลังจากที่เข้ามาดูแลกระทรวง พม. เห็นได้ว่าเงินที่ต้องใช้นั้นมหาศาลมาก เช่น เงินผู้สูงอายุใช้ประมาณ 110,000 ล้านต่อปี โดยในการแถลงนโยบายเมื่อวานที่ผ่านมามีคนบอกว่าอยากให้ผู้สูงอายุได้เดือนละ 1,000 บาทนั้น จะทำให้งบประมาณเพิ่มขึ้นมาเป็นเกือบ 200,000 ล้านบาท ซึ่งการจ่ายเงินไม่มีปัญหาแต่เงินขาเข้านั้นจะทำอย่างไร เราไม่ต้องการให้ประเทศไทยเป็นเหมือนเมืองเบอร์มิงแฮม (Birmingham) ที่เพิ่งประกาศล้มละลายไปเมื่อเร็วๆ นี้ จากการเป็นรัฐสวัสดิการ จนขาเข้ารับไม่ทันมีแต่จ่ายออก ดังนั้นในส่วนของประเทศไทย เรื่องของการสนับสนุนนั้นเราไม่เห็นด้วยกับรัฐสวัสดิการที่ให้ทุกคนเท่ากันหมดไม่ได้ เพราะบางคนต้องการมากกว่า เราต้องให้โอกาสคนได้มีโอกาสยืนดูวิวเท่าๆ กัน แปลว่าการทำงานจะต้องดูแลตามกลุ่ม ไม่ใช่เหวี่ยงแห

“วันพรุ่งนี้ผมจะเร่งเอาเรื่องนี้เข้า ครม. จะได้เร่งส่งเรื่องไปยังสำนักงบประมาณภายในวันเดียว แล้วส่งไปกรมบัญชีกลาง เพื่อจะได้ใช้เงิน 990 ล้านบาทนี้ กับเงินของกรมบัญชีกลาง 200 กว่าล้านบาท โอนเข้ามาอยู่ในฐานของ พม. และเข้าสู่กระเป๋าของพี่น้องประชาชนในวันจันทร์ที่ 18 กันยายนนี้”

ส่วนการมอบนโยบายให้กับข้าราชการกระทรวง พม. ในวันที่ 18 กันยายน นายวราวุธ คิดว่ากระทรวง พม. ที่ผ่านมา เป็นกระทรวงที่มีภารกิจเยอะมาก ครอบคลุมทุกเพศ ทุกวัย ทุกสถานะ รวมไปถึงการเคหะฯ งานที่ผ่านมาเป็นงานที่เข้าถึงประชาชนทุกระดับ แต่บางครั้งการตระหนักถึงหน้าที่ภารกิจของข้าราชการอาจจะยังไม่รับรู้เท่าที่ควร สุดท้ายแล้วการทำงานของกระทรวง พม. จะเป็นกำแพงให้ประชาชนไว้พิงยามเจอปัญหา เราจะเป็นเกราะป้องกันให้กับประชาชนยามเจอภัยอันตราย 

เมื่อถามจะดำเนินการอย่างไรในกรณีของ น้องหยก เยาวชนซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112  ที่มีการเรียกร้องให้ พม. เข้าไปดำเนินการนั้น นายวราวุธ เผยว่า กรณีดังกล่าวแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนที่เกิดขึ้นภายในสถานศึกษา และส่วนที่เกิดขึ้นในครอบครัว บริบทการทำงานของ พม. คงไม่เข้าไปก้าวล่วงบริบทของการศึกษา แต่ส่วนที่เป็นเรื่องครอบครัว เราคงใช้สหวิชาชีพในทุกๆ แขนงในการสนับสนุน แต่ไม่ได้เน้นการแก้ไขที่ปัจเจกบุคคล การทำงานที่จะป้องกันทั้งระบบไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้ เพราะตนเชื่อว่าคงมีอีกหลายกรณีที่คล้ายกัน ดังนั้นเราจะแก้ไขปัญหาทั้งระบบ.