คําศัพท์เฉพาะทางการเมืองที่มักจะได้ยินกันจนคุ้นหูก็คือ พรรคเลือกคน ประชาชนเลือกพรรค กลายเป็นดาบสองคม ในการคัดสรรผู้ลงรับสมัครเลือกตั้ง และเกิดปัญหาที่ปลายเหตุเมื่อตรวจพบการกระทำผิดของนักการเมืองและสมาชิกพรรคการเมืองที่เข้ามาดำรงตำแหน่งทางการเมืองในภายหลัง
พรรคการเมืองต้องการชนะการเลือกตั้งท่าเดียว จำเป็นที่จะต้องเลือกคนที่มีโอกาสที่จะได้รับการเลือกตั้งมากที่สุด โดยไม่คำนึงถึงคุณสมบัติ จริยธรรมและความเหมาะสม กลายเป็นช่องทางเข้ามาแสวงหาอำนาจของ ผู้มีอิทธิพล ในระดับท้องถิ่น ฟอกตัวเข้ามาทำงานในระดับชาติ มีเอกสิทธิ์คุ้มครองในการกระทำความผิด เสริมสร้างอำนาจและอิทธิพล เกิดเป็นบ้านใหญ่ ขึ้นในแต่ละจังหวัด ผูกขาดอำนาจ มีอิทธิพลทางการเมือง และแสวงหาผลประโยชน์จากธุรกิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ยิ่งถ้ากฎหมายเอื้อมมือไม่ถึง โดยการใช้อิทธิพลและผลประโยชน์สร้างระบบอุปถัมภ์ ครอบงำกลไกของรัฐและข้าราชการระดับสูง และใช้ระบบอุปถัมภ์กลับมาสร้างผลประโยชน์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นห่วงโซ่วงจรอุบาทว์
เกิดระบบการซื้อขายตำแหน่ง เรียกรับส่วย สินบน และยังใช้อำนาจหน้าที่ในฐานะเป็นนักการเมืองท้องถิ่น ข้าราชการส่วนท้องถิ่น กระทำผิดเสียเอง เช่น ฮั้วประมูล ขายยาเสพติด ซุ้มมือปืน บ่อนพนัน โดยมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่หวังเติบโตในตำแหน่งและนักการเมืองระดับประเทศที่ต้องการแสวงหาประโยชน์และอำนาจหนุนหลัง
กรณีของการใช้อาวุธปืนสังหาร สารวัตรตำรวจทางหลวงในงานเลี้ยงโต๊ะจีน ของผู้มีอิทธิพลใน จ.นครปฐม เป็นการฉายภาพให้เห็น ความล้มเหลวของระบบราชการและระบบการบริหารปกครองประเทศ ได้อย่างเป็นรูปธรรมมากที่สุด
โดยหลังเกิดเหตุมีภาพของ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้การคุ้มครอง ผู้กระทำความผิด และให้การช่วยเหลือในการหลบหนี ปิดบังซ่อนเร้นหลักฐานในการกระทำความผิด ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในการสนับสนุนการกระทำความผิดครั้งนี้ มีชั้นยศตั้งแต่ระดับสารวัตรสืบสวน พ.ต.ต. ไปจนถึง ร.ต.ต. ที่ย่อมจะต้องมีวุฒิภาวะในการสำนึกต่อหน้าที่เป็นอย่างดี
...
เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ตำรวจทางหลวงหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 21 รายที่อยู่ในที่เกิดเหตุเท่านั้น แต่ต้องล้างบางโครงสร้างและสร้างธรรมาภิบาลในการทำหน้าที่ของตำรวจทั้งระบบ เริ่มตั้งแต่เป็นนักเรียนตำรวจจนถึงเกษียณอายุราชการตำรวจ เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่ให้คุณให้โทษกับประชาชนโดยตรง
ที่ต้องสังคายนาใหม่ทั้งหมด คือกฎหมาย ป.ป.ช.และการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ กรณีกำนันนกเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง แต่สามารถเข้าไปประมูลงานรัฐได้เป็นพันโครงการ และมีพิรุธในการประมูลงานแต่ละโครงการที่เสนอมากกว่าราคากลางหลักร้อยแค่นั้น ที่ผ่านมาผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นจะเป็นร่างทรงเป็นตัวแทนอยู่ในความคุ้มครองของบ้านใหญ่ แค่ไหนก็ช่าง แต่ถ้ารัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน จะพิสูจน์ตัวเองว่าเลือกข้างประชาชนไม่ได้ให้ท้ายผู้มีอิทธิพล
ก็ต้องกล้าประกาศสงครามกับผู้มีอิทธิพล เริ่มจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติเลยดีไหม.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th
คลิกอ่านคอลัมน์ "คาบลูกคาบดอก" เพิ่มเติม