“ณัฐพงษ์” แคลงใจ ถูกห้ามขึ้นสไลด์มีหน้ารัฐมนตรีเก่าและใหม่ ผิดหวังนโยบายดิจิทัล มีเพียงดิจิทัลวอลเล็ต “ณัฐวุฒิ” ลุกประท้วง หวิดวุ่น “ธีรรัตน์” ขอประธานดำเนินการต่อ ติงอย่าเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาต่อล้อต่อเถียง
การสร้างความยุติธรรมในสังคม สำคัญไม่น้อยกว่าความกินดีอยู่ดี
เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 11 กันยายน 2566 นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สมาชิกวุฒิสภา (สว.) อภิปรายในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา วาระเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยขอมุ่งเน้นในเรื่องการเมือง กฎหมาย และการยุติธรรม พร้อมชื่นชมการสร้างความสามัคคีปรองดอง และรัฐบาลต้องเคารพและรับฟังทุกฝ่าย ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลของประชาชนทุกคน ไม่ใช่รัฐบาลเสียงข้างมากที่ไม่ฟังเสียงข้างน้อย พร้อมชม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเรื่องการไหว้สวย ความประพฤติงดงาม
ทั้งนี้ รัฐบาลต้องทำเป็นตัวอย่างด้วย ใครไม่เคารพกฎหมาย ถ้าเป็นคนในรัฐบาล คนในหน่วยงานของรัฐ นายกรัฐมนตรีต้องลงโทษ บังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ทุกคนต้องเท่าเทียมกัน ส่วนกรณีกำนันนครปฐม ประชาชนเฝ้าติดตามว่า นายกรัฐมนตรีจะดำเนินการอย่างเคารพกฎหมาย ไม่เลือกปฏิบัติ ส่วนกรณีมีข่าวนักโทษบางคนที่ถูกกล่าวหาว่าได้รับการปฏิบัติไม่เท่าเทียมคนอื่น ตนเองไม่เชื่อ เพราะมองว่ากระบวนการยุติธรรมเสมอภาคเท่าเทียม แต่ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องอธิบายประชาชน
...
สำหรับการสร้างความยุติธรรมในสังคมไทย เป็นเรื่องสำคัญไม่น้อยกว่าความกินดีอยู่ดีของประชาชน รัฐบาลต้องทำให้เกิดความเป็นธรรมทั่วถึง เข้าถึงง่าย รวดเร็ว และตรวจสอบได้ เพราะความยุติธรรมที่ล่าช้าคือความอยุติธรรม อีกทั้งขอฝากรัฐบาลใหม่ว่ามีคดีค้างในระบบยุติธรรมไทยกว่า 2.5 ล้านคดีในหลายหน่วยงาน ขณะที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ สบายใจที่นายกรัฐมนตรีแถลงว่าไม่แตะหมวด 1 และ 2 ซึ่งการจะแก้ไขนั้น ใครได้ประโยชน์อะไร ควรทบทวนให้ดี
ชื่นชมและสนับสนุนนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต
ต่อมา 21.36 น. รองศาสตราจารย์ประเสริฐ ปิ่นปฐมรัฐ สว. กล่าวชื่นชมและสนับสนุนนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ซึ่งที่ต้องทำต่อคือรัฐบาลดิจิทัล อยากเห็นวันที่ประเทศไทยมีแพลตฟอร์มเดียว ไม่อยากเห็นนโยบายรัฐบาลที่บอกว่าการเติมเงินเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่การเติมเงินนี้จะต้องเป็นการวางรากฐานดิจิทัลเศรษฐกิจให้ประเทศ ต้องพัฒนาให้เกิดสังคมดิจิทัล เตรียมความพร้อมประเทศสู่เศรษฐกิจสมัยใหม่ เปิดประตู สร้างโอกาสให้เกิดสตาร์ทอัพใหม่ๆ ไม่อยากเห็นนโยบายจบเพียงระยะสั้น และความสำเร็จของดิจิทัลวอลเล็ต คือการสร้างรัฐบาลดิจิทัล เชื่อว่าวันนี้การเติมเงินในระบบ e-Wallet จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนให้เกิดเศรษฐกิจดิจิทัล แบบรัฐใหม่ สังคมใหม่ เศรษฐกิจใหม่ และโอกาสใหม่ของประเทศไทย
ฝากรัฐบาล ผลักดัน พ.ร.บ.ขนส่งทางราง บังคับใช้โดยเร็ว
จากนั้น นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ อภิปรายในเวลา 21.42 น. ในส่วนเกี่ยวข้องกับกระทรวงคมนาคม โครงสร้างพื้นฐาน ว่า ติดตามข่าวการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี มีข้อสังเกตว่า ปัจจุบันมีการสร้างรถไฟทางคู่จำนวนมาก ปริมาณการขนส่งสินค้าทางรางกลับไม่เพิ่มขึ้น เราควรให้ความสำคัญกับการเดินรถด้วย ควรผลักดันส่งเสริมเอกชนเดินรถ และยังรวมไปถึงเรื่องรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย แลนด์บริดจ์เที่ควรทบทวน พร้อมฝากรัฐบาล พ.ร.บ.ขนส่งทางราง ที่ยังไม่บังคับใช้ ขอผลักดันให้มีผลโดยเร็ว จะเพิ่มขีดความสามารถให้ไทยได้อย่างรวดเร็ว
ก้าวไกล ท้วงถูกห้ามขึ้นบางสไลด์ เพื่อไทย ลุกติงเรื่องไม่เป็นเรื่อง
ขณะที่เวลา 21.56 น. นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล สอบถามก่อนการอภิปรายว่า ภาพสไลด์ที่มี ครม.เก่าและใหม่ ทำไมจึงไม่อนุญาตให้ใช้ โดย นายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม บอก “เห็นว่าไม่จำเป็น” ต่อมา นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ประท้วงคำที่ประธานพูดว่า เห็นว่าไม่จำเป็น ใช้เกณฑ์ใด เพราะสิ่งที่พูดจะทำหน้าที่ผูกพันประธาน 2 คน ฝ่ายรัฐบาลก็ใช้ภาพ ครม. เหตุใดจึงห้ามฝ่ายค้าน ทั้งที่มีการใช้ภาพในลักษณะเดียวกันมาทั้งวัน เพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน นายพรเพชร ระบุว่าให้เจ้าหน้าที่ดูแล้ว ถ้าเป็นภาพเชิงบวกไม่เป็นไร ต้องดูเจตนาในการใช้ นายณัฐวุฒิ จึงประท้วงต่อ คำว่าเจตนาของตนกับประธานไม่เหมือนกัน ทราบได้อย่างไรว่าเพื่อนสมาชิกที่กำลังจะอภิปรายมีเจตนาอย่างไร
จากนั้น น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวานิชย์ สส.กทม. พรรคเพื่อไทย ขอให้ดำเนินการประชุมต่อ อยากให้เห็นการอภิปรายต่อเนื่อง ไม่อยากให้มาเป็นข้อต่อล้อต่อเถียงในที่ประชุม เพราะประธานวินิจฉัยแล้ว อย่าเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาอยู่ในสภา นายณัฐวุฒิ จึงประท้วงขึ้นว่าถูกกล่าวหาต่อล้อต่อเถียง ประธานกล่าวต่อไปว่าเจ้าหน้าที่ดูภาพดังกล่าวแล้ว นายณัฐวุฒิ จึงกล่าวว่า ขอสงวนสิทธิ์ประท้วงทุกครั้งที่มีรูป ครม. ขณะที่ นายณัฐพงษ์ กล่าวขึ้นอีกว่า หารือกับเจ้าหน้าที่แล้วไม่มีปัญหา แต่ทราบว่าประธานเป็นผู้ดึงออก โดยประธานแจงอีกครั้งว่าไม่ใช่ และไม่มีเจตนาอื่น
ณัฐพงษ์ ติง คำแถลงนโยบายน่าผิดหวัง เน้นแต่ดิจิทัลวอลเล็ต
จากนั้น 22.03 น. นายณัฐพงษ์ อภิปรายว่า คำแถลงนโยบายของรัฐบาลมีคำว่าดิจิทัลแค่ 5 ครั้ง พร้อมขอบคุณรัฐมนตรีว่ากากระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมที่มานั่งฟัง ส่วนตัวมองว่าเรื่องดิจิทัลเป็นพันธกิจที่ต้องทำร่วมกัน แต่วันนี้เป็นคำแถลงนโยบายน่าผิดหวัง ไม่มีการวางสถาปัตยกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน มีแต่ดิจิทัลวอลเล็ตซึ่งเป็นนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทย และอีกหลายๆ อย่างในคำแถลงนโยบายมีเพียงคำสัญญา แต่ขาดคำสำคัญเพราะเป็นรัฐบาลผสมพันธุ์ข้ามขั้ว แล้ว นายเศรษฐา จะมีอำนาจเต็มจริงหรือ จะทำได้จริงหรือไม่
กลุ่มนโยบายที่อยากเห็นคือ การวางโครงสร้างพื้นฐานด้านคลื่นความถี่สำคัญ LoRaWan หรือ NB-IoT เพื่อจัดการปัญหาเมือง รัฐบาลจะสามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนได้หลายแสนล้านบาท ซึ่งเกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง ภายใต้ นายเศรษฐา ที่ขาดอำนาจนำทางการเมืองจะทำได้จริงหรือ ส่วนเรื่องแนวนโยบายคลาวด์กลางภาครัฐ ปัจจุบันภาครัฐจ้างผู้รับเหมาสร้างแอปพลิเคชัน แล้วยังให้ดูแลความปลอดภัย จึงมีหลายครั้งที่ข้อมูลหลุดออกไป จึงจำเป็นต้องใช้คลาวด์ เพื่อให้รัฐบาลดูแลความปลอดภัยทุกแอปพลิเคชันของภาครัฐ ต้องวางแนวนโยบายดิจิทัลที่ถูกต้อง รวมถึงต้องมีการเปิดเผยกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ช่วยให้ภาคประชาสังคมเข้ามาร่วมตรวจสอบได้ นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงการเปิดเผยข้อมูลสาธารณะ ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องปักธงให้วงการ Open Source ไทย ปรากฏอยู่บนแผนที่โลกบ้าง
นอกจากนี้ ยังอยากเห็นการวางรากฐานให้กับเศรษฐกิจแห่งอนาคต ทำไมจึงรู้สึกว่าการใช้บริการภาครัฐยากกว่าเอกชน ซึ่ง Digital ID หรือ บัตรประชาชนดิจิทัล เป็นคำสำคัญของเศรษฐกิจแห่งอนาคตที่รัฐบาลไม่พูดไม่ได้ และเป็นคนละเรื่องกับบัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทั่วประเทศ ยังรวมไปถึง Data Economy (เศรษฐกิจข้อมูล) หรือการใช้ประโยชน์ข้อมูลในเชิงเศรษฐกิจและสังคม ทั้งนี้ Digital ID และ Data Economy คือการวางรากฐานในการพัฒนาเศรษฐกิจแห่งอนาคตให้ประเทศ ซึ่งประเทศไทยยังมีโอกาสที่รัฐบาลจะนำเอาข้อเสนอเชิงนโยบายที่เป็นพันธกิจหรือเป้าหมายร่วม ที่ทุกกระทรวงต้องทำร่วมกัน
“สิ่งที่ผมไม่อยากเห็นคือการแบ่งเก้าอี้ แบ่งเค้ก แบ่งกระทรวง ภาพของนายกรัฐมนตรีที่ขาดอำนาจนำ การดำเนินนโยบายต่างคนต่างทำ เครื่องไม้เครื่องมือทางด้านดิจิทัลกระจัดกระจาย ขาดการบูรณาการ ภาพที่รัฐมนตรีว่ากากระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ถูกส่งมานั่งคุมกระทรวงเพราะคุมคลื่นความถี่และคุมดาวเทียม คือสิ่งที่ผมไม่อยากเห็น ผมไม่ได้บอกท่าท่านทำ ผมก็ได้แต่หวังว่าคณะรัฐมนตรีที่วันนี้นั่งอยู่ในห้องประชุม จะรับเอานโยบายที่ผมได้นำเสนอวันนี้ไปปรับใช้ รวมถึงให้คำมั่นสัญญาในที่ประชุมแห่งนี้ว่า ท่านจะให้ความสำคัญกับคำสำคัญที่ผมได้นำเสนอไว้ไปดำเนินการในอีก 4 ปีข้างหน้านี้” จากนั้นจบการอภิปรายเวลา 22.22 น.