ประชุมสภาล่าสุด “ม.ล.ชโยทิต” สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ เน้นอภิปรายประเด็นพลังงาน ชี้ ไทยมีดีหลายอย่าง วอนเลิกด้อยค่าประเทศ ขอเลิกทะเลาะกัน ให้ประเทศเราเดินหน้าต่อ

วันที่ 11 กันยายน 2566 เมื่อเวลา 15.27 น. หม่อมหลวงชโยทิต กฤดากร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ร่วมอภิปรายในการประชุมร่วมรัฐสภา วาระเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ได้เวลาอภิปราย 15 นาที ว่า การจะดูเศรษฐกิจอย่างเดียวไม่พอ เพราะไทยพึ่งการส่งออกและค้าขายต่างประเทศอยู่มาก ซึ่งความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ของมหาอำนาจ ทำให้ไทยมีโอกาสเรื่องการย้ายฐานการผลิต จึงเป็นความจำเป็นที่ไทยต้องปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม ที่จะทำให้ไทยเป็นฐานผลิตที่สะอาดและไม่มีความขัดแย้ง 

ทั้งนี้ การที่รัฐบาลมีนโยบายลดราคาพลังานโดยทันที เป็นเรื่องจำเป็นลดภาระค่าครองชีพ แต่การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันต้องไม่เป็นภาระวินับการเงินการคลังด้วย และควรพิจารณาช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟต่ำกว่า 300 หน่วยที่เป็น 80% ของครัวเรือนทั้งประเทศ ช่วยเหลือค่าน้ำมัน ค่าแก๊ส ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ พร้อมกันนี้ เห็นด้วยกับการผลักดันพลังงานสะอาด เพราะจะช่วยลดต้นทุนได้ ซึ่งราคาพลังงานสะอาดของไทยอยู่ที่ 2.18 บาท ถูกกว่าการนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลก่อนหน้าประกาศว่าภายในปี 2050 ไทยจะเป็นกลางในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ในการประชุม COP 27 ซึ่งไทยเป็นประเทศแรกที่ประกาศในอาเซียน จนได้รับการตอบขานว่าเชื่อถือได้มากที่สุดในอาเซียน

...

“ประเทศไทยมีบุญ เรามีศักยภาพในการกักเก็บคาร์บอน ทั้งในทะเล คือ กระเปาะของก๊าซธรรมชาติ หรือหลุมโพรงน้ำเค็มที่อยู่ในอ่าวไทย ซึ่งค้นพบแล้ว โดยเฉพาะโพรงน้ำเค็มที่อยู่ใกล้ จ.ระยอง เป็นพื้นที่ที่น้ำตื้นมาก สามารถกักเก็บคาร์บอนได้หมื่นล้านตัน อาเซียนยังเผ่าถ่านหินเป็นหลักในการนำมาสู่พลังงานไฟฟ้า แต่เราใช้ถ่านหินแค่ 15% วันนี้ ในแง่การปล่อยคาร์บอนเราอยู่ใน 1 ใน 4 ของประเทศอาเซียนที่เป็นคู่แข่ง ไม่ว่าเป็น อินโดฯ เวียดนาม หรือมาเลเซีย ทั้งหมดปล่อยเกิน 1,000 ล้านตัน แต่ไทยปล่อยแค่ 300 ล้านตันต่อปี

เดชะบุญของประเทศไทยอีกเหมือนกัน เราได้ไปเจอโพรงที่กักเก็บคาร์บอนได้ในภาคเหนือ ใกล้โรงไฟฟ้าแม่เมาะ ลิกไนต์มีต้นทุนผลิต 70 สตางค์ต่อหน่วย เป็นพลังงานที่ถูกและมีอยู่ในไทย แต่ถ้าเราสามารถผลิตและเดินเครื่องลิกไนต์ แล้วกักเก็บคาร์บอนในโพรงของชั้นหินที่เราทดสอบแล้ว และกำลังศึกษาด้านเทคนิค จะเก็บคาร์บอนที่ผลิตจากโรงไฟฟ้าลิกไนต์ได้ 20 กว่าปี จึงสามารถเก็บมาเป็น Clean Coal Technology (เทคโนโลยีถ่านหินสะอาด) ได้ และยังรับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นมาแล้วที่จะศึกษา โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ เป็นเจ้าของพื้นที่ และนำมาสานต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมในระเบียงเศรษฐกิจแต่ละภาค”

พร้อมกันนี้ ขอฝากให้รัฐบาลใหม่ช่วยประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่ถูกต้องให้ประชาชนรับทราบในเรื่องการแก้ไขไฟฟ้าแพง กำลังการปลิตไฟฟ้า เพราะมีการหยิบยกมาพูดให้คนเข้าใจผิดโดยมีหวังประโยชน์ด้านการเมือง การสำรองไฟฟ้า อยากให้ศึกษาจริงจังว่าไทยมีเท่าไหร่แน่ รวมไทยไฟฟ้าเสรี ต้องศึกษาว่าดีจริงหรือไม่ คุณภาพของไฟฟ้า หรือระบบที่จะเอามาใช้ให้ประชาชนมีค่าใช้จ่ายน้อยลง ต้องศึกษาว่าเป็นจริงหรือไม่ ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติพร้อมสนับสนุน ดูแลผู้เปราะบางอย่างเหมาะสมต่อไป 

ขณะเดียวกัน โครงสร้างอุตสาหกรรมของไทย ถ้าไม่มีแผนแม่บทที่ชัดเจน หรือสิ่งที่จับต้องได้ คงไม่มีใครให้โอกาสไทย ถ้าไม่มีการตื่นตัวจะให้ฐานการผลิตรถไฟฟ้า ความสำเร็จของไทยเบื้องต้นในอุตสาหกรรมอีวี คือ ค่ายรถจีนเกือบทุกค่ายเซ็นสัญญามาผลิตในไทย ซึ่งเป็นความสำเร็จที่ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ และจะต่อไปสู่อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ โดยอยากให้ทำกลางน้ำและต้นน้ำมากขึ้น สำหรับการลงทุนจากต่างประเทศ 7 แสนล้านบาท ไม่ได้เกิดขึ้นโดยง่าย แต่ถ้ามีความมุ่นมั่งเชื่อว่าทำได้ และอยากผลักดันระเบียงเศรษฐกิจ 4 ภาค 

“ประเทศไทยเรามีทุกอย่างดีหมด ขอให้เราทำในสิ่งที่เราได้วางแผนไว้ ต่างชาติก็ให้ความไว้เนื้อเชื่อใจ ได้มาลงทุนอย่างที่เห็นเป็นกอบเป็นกำ ผมอยากจะวิงวอนว่าทุกคนให้เลิกด้อยค่าประเทศไทย ประเทศไทยมีดีหลายอย่าง โดยเฉพาะโลกสมัยใหม่ที่กำลังขับเคลื่อนกันอยู่วันนี้ เรามีบทบาทและเรามีพื้นที่ชัดเจน ถ้าเราทำทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านี้ได้ เราจะมีเอกภาพ จะมีความสำเร็จของประเทศ แล้วก็ขอให้เลิกทะเลาะ เพื่อให้ประเทศเราเดินหน้าต่อไปได้ แล้วก็เป็นประเทศที่นำอาเซียนในเรื่องการแปลงอุตสาหกรรม และการกินอยู่ ให้เป็นประเทศที่สะอาดและไร้คาร์บอนต่อไป” จบที่ 15.44 น.