“พลังสามัคคี” ของคนไทยที่เป็นไปโดยธรรมชาติอย่างแท้จริง
ตามปรากฏการณ์ “ไทยแลนด์สู้ๆ” เสียงเชียร์ทีมวอลเลย์บอลสาวไทยเบียดเอาชนะทีมวอลเลย์บอลสาวจีนแผ่นดินใหญ่ คว้าแชมป์ทวีปเอเชียมาครองได้เป็นสมัยที่ 3 อย่างยิ่งใหญ่
แบบที่นั่งอยู่ในบ้านยังได้ยินเสียงเฮไปถึงหน้าปากซอย
เด็ก วัยรุ่น คนแก่ นั่งลุ้นหน้าจอทีวี สะท้อนอารมณ์สมานฉันท์ของชาวไทยที่ไม่ได้หายไปไหน ความรู้สึกลึกๆของจริงที่ไม่ได้อิงขั้วขัดแย้งทางการเมือง
ไม่เกี่ยวกับฉากจูบปากสลายสี
ไม่ต้องจัดอีเวนต์ปั่นกระแส ไม่ต้องแห่ปรองดอง ถึงเวลาคนไทยส่วนใหญ่แยกแยะออกเรื่องของผลประโยชน์เกมอำนาจการเมือง แดง เหลือง สลิ่ม ส้ม
อุดมการณ์ที่แกว่งไปแกว่งมาของขบวนการ “อำนาจนิยม”
มันคนละส่วนกับความเป็น “ชาตินิยม”
ในจังหวะสถานการณ์ที่รัฐบาลผสม ภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้สิทธิเป็นผู้ถืออำนาจรัฐตามกติการะบอบรัฐสภา
รวมเสียงข้างมาก ประกาศเป็น “รัฐบาลของ ประชาชนคนไทย”
ภายหลังพิธีกรรมนำคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนรับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ รอขั้นตอนการแถลงนโยบายรัฐบาล ต่อที่ประชุมรัฐสภาในวันที่ 11–12 กันยายนนี้
ก็จะเดินหน้าบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างเต็มรูปแบบ
จบห้วงสุญญากาศเปลี่ยนผ่านอำนาจ เกือบ 4 เดือนเต็ม นับจากวันเลือกตั้งใหญ่ 14 พฤษภาคม 2566
“นาฬิกาทราย” นับถอยหลัง ครม. “เศรษฐา 1” ออกสตาร์ตเดินหน้า
ไม่มีเวลาสำหรับ “ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์”
โดยสถานการณ์เชิงปฏิบัติที่นำหน้ากระบวนการตามกฎหมายรัฐธรรมนูญไปก่อนแล้ว ตามฉากแบบที่นายเศรษฐานำทีมเดินสายรายวัน
...
เก็บข้อมูล ทำการบ้านล่วงหน้า
เริ่มจากการเข้าพบ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ เพื่อ “รับไม้ต่อ” ตามด้วยการตั้งวงถกเจ้าสัวตระกูลใหญ่ที่กุมระบบเศรษฐกิจประเทศไทย สลับกับการวางคิวพบปะผู้ประกอบการ ท่องเที่ยว สมาคมแท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เก็บข้อมูลจากผู้ประกอบการประมง
ตั้งวงกินข้าวกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ
ผู้นำป้ายแดงโชว์ลูกขยัน สมกับบท “ซีอีโอ” ที่ประกาศในวันแรกที่ได้รับการโหวตจากที่ประชุมรัฐสภา
จะเป็นนายกฯที่ทำงานแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
สำทับด้วย “หมอมิ้ง” นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่หวนกลับมารับตำแหน่งเดิมกับสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย การันตีนายเศรษฐา มาสไตล์เดียวกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ
คิดเร็ว ทำงานไว แบบที่ลูกน้องเสิร์ฟงานกันไม่ทัน
และก็เหมือนจะถอดแบบฉบับเดียวกันมาเลยกับ “ทักษิณ” ตามภาพข่าวที่นายเศรษฐาเรียกประชุม 17 รัฐมนตรี ในโควตาของพรรคเพื่อไทยทันทีที่มีชื่อได้รับโปรดเกล้าฯให้ดำรงตำแหน่ง
ตั้ง “โจทย์ยาก” วางมาตรฐานผู้บริหารทีมนายห้างดูไบ
ห้ามใช้คำว่า “ทำไม่ได้” กับปัญหาของประชาชน
ต้องทุ่มเททำงานให้ประชาชนเต็มที่ เพราะพรรคเพื่อไทย “เทหมดหน้าตัก” จากการใช้ต้น ทุนสูงในการจัดตั้งรัฐบาลผสม
ถ้ามีปัญหาที่คนพร้อมเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีได้ทันที
อารมณ์เข้มๆของผู้นำยังต่อเนื่องมาถึงวงประชุม ครม.ครั้งแรก อย่างไม่เป็นทางการ ภายหลังการเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ
นายเศรษฐา กำชับเสียงหนักแน่น ให้รัฐมนตรีเร่งสร้างผลงาน และเข้าสู่ฤดูกาลโยกย้าย ห้ามมีการซื้อขายตำแหน่งอย่างเด็ดขาด
พาดหัวยักษ์หนังสือพิมพ์ สื่อเสนอข่าวเกรียวกราว
“ผู้นำโชว์หล่อ” ได้เข้าเป้า ตามเหลี่ยมโคตรเซียนการตลาด ทีมงานพรรคเพื่อไทยที่เชี่ยวเชิงการเล่นกระแส
แห่นายกฯตัวสูงๆ มาตรฐานสูงๆ
แต่อีกมุมหนึ่งก็ถือเป็น “เส้นทางบังคับ” ของนายเศรษฐาและ ครม.ที่ต้องแบกความคาดหวังของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้สนับสนุนที่ยังเชื่อมั่นในเชิงบริหารของทีมงานพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ
ยี่ห้อ “ทักษิณ” ยังติดชาร์ต มาตรฐานสูง
สถานการณ์ที่ชาวบ้านร้านตลาด ประชาชนรากหญ้ากำลังประสบภาวะข้าวยากหมากแพง ราคาน้ำมันทะลักเพดาน
อาการลำบากปากท้อง ต้องการให้พรรคเพื่อไทยคืนความกินดีอยู่ดี
คนไทยอยู่อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี
เหนืออื่นใด อาการแบบที่นายเศรษฐายอมรับสภาพ “รัฐบาลที่ทุ่มหมดหน้าตัก” จากการจัดสูตรพิสดาร “ผสมพันธุ์ข้ามขั้ว”
เริ่มต้นบริหารด้วยต้นทุน “ติดลบ”
ผู้นำจึงต้องเร่งสร้างผลงานกลบ “จุดบอด” ใช้ความเชี่ยวเชิงบริหารในการพรางปมด้อยจากภาพทางการเมืองที่ตกเป็นผู้ร้าย
ทำลายฉันทามติประชาชนส่วนใหญ่ที่แสดงออกในการเลือกตั้งใหญ่
เป็นผู้นำรัฐบาลผสมที่แย่งมาจากเจ้าของตัวจริงคือนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นภาพ ประทับที่ฝ่ายต่อต้านไล่บี้ประจาน
“ด้อมส้ม” ตามกัดติดไม่ปล่อย
กองทัพคนรุ่นใหม่ไม่ยอมรับสูตรการเมืองแบบไทยๆ คะแนนของประชาชนไร้ความหมาย ก่อนเลือกตั้งพูดอย่าง หลังเลือกตั้งทำอีกอย่าง
“กลืนน้ำลาย” ฮั้วกันจบแบบดื้อๆ
นี่คือจุดที่นายเศรษฐาและทีมยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ต้องเร่งกู้ศรัทธาสู้ด้วยการตั้งโจทย์ยาก วางมาตรฐานสูงๆในการบริหาร
นายกฯโชว์หล่อ กลบภาพรัฐบาลกระดำกระด่าง
และทั้งหมดทั้งปวง โดยบททดสอบด่านแรกและโจทย์โคตรยากประเดิม ที่นายเศรษฐาและทีมเศรษฐกิจต้องสำแดงฝีมือ ทำตามสัญญาบนเวทีหาเสียง
ตามกระแสชาวบ้านร้านตลาด ทวงยิกๆนโยบาย “ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท” เร้าให้ นายเศรษฐาต้องประกาศชัด แจกไม่เกินต้น เดือนกุมภา พันธ์ปีหน้า โอนทีเดียว 10,000 บาท โดยระบบบล็อกเชน
แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่า จะใช้เงินจากส่วนไหน 5 แสนกว่าล้านบาท ต้องใช้ “บล็อกเชน” ที่ต้องสูญเงินมหาศาลแบบระบบใหม่ ทั้งๆที่รัฐบาลมีแอปพลิเคชันเป๋าตังพร้อมอยู่แล้ว แนวโน้มหนีไม่ถูกจับตาเอื้อประโยชน์ให้เอกชนหรือไม่ ตามอาการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังกั๊กท่าที กล้าๆกลัวๆ
กับเดิมพันเสี่ยงๆ “โคตรประชานิยม” สไตล์พรรคเพื่อไทย
เช่นเดียวกับโปรโมชัน “รถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย” ที่นายเศรษฐา และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ประสานเสียงยืนยันทำได้ทันที
แต่ฟังจากผู้เชี่ยวชาญในวงการ ยังสับสนในวิธีบริหารจัดการกับสภาพของรถไฟฟ้าสารพัดสีของเมืองไทยที่แยกสัมปทานดูแล แบ่งเค้กผู้รับเหมาหลายเจ้า
จะเหมารวมราคาตั๋วกันง่ายๆแบบสั่งปุ๊บได้ปั๊บจริงๆหรือ
นี่คือจุดที่เป็นเครื่องหมายคำถาม ตามสถานการณ์ที่นายเศรษฐาเครื่องร้อน ตั้งโจทย์ยากให้รัฐบาลผสมพันธุ์ข้ามขั้ว วางมาตรฐานบริหารสูงๆ กู้ศรัทธา ต้นทุนติดลบ
ผู้นำโชว์หล่อ แต่ต้องรอดูภาคปฏิบัติก่อน.
“ทีมการเมือง”
คลิกอ่านคอลัมน์ "วิเคราะห์การเมือง" เพิ่มเติม