ข้อดีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯป้ายแดง คือ กระฉับ กระเฉง รวดเร็วทันใจตามสไตล์มืออาชีพภาคธุรกิจเอกชน

มีการเตรียมวางแผนล่วงหน้าทุกขั้นตอน มีแผนเอ แผนบี แผนซีให้เหมาะกับสถานการณ์ที่เป็นจริง

การบริหารแบบมืออาชีพจะส่งผลให้การขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลมีความยืดหยุ่นแต่คล่องตัว

เมื่อนายกรัฐมนตรีฟิตเปรี๊ยะ บรรดารัฐมนตรีก็ต้องฟิตตาม

การแก้ไขปัญหาประเทศจะเร่งสปีดเร็วขึ้นกว่ารัฐบาลลุง!!

“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่า ประเทศไทยต้องการนายกรัฐมนตรีที่มาจากนักบริหารมืออาชีพภาคเอกชน ให้ทำหน้าที่ขับเคลื่อนประเทศแทนนายกฯ จากระบบราชการ

เชื่อว่าจะได้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนใน 3 เดือน!!

โดยงานประเดิมที่ “นายกฯ เศรษฐา” ได้ประกาศล่วงหน้า คือ จะลดค่าไฟฟ้า ลดราคาน้ำมัน และราคาแก๊สหุงต้มทันที!!

แต่จะลดเท่าไหร่? ลดนานแค่ไหน? ยังไม่มีคำตอบชัดเจน

“แม่ลูกจันทร์” เชื่อว่า นายกฯ เศรษฐา ได้เตรียมแผนลดค่าไฟฟ้า ราคาน้ำมันดีเซล และแก๊สหุงต้ม ตามที่ประกาศไว้อย่างแน่นอน

เพราะถ้าการประชุม ครม.นัดแรกไม่มีวาระลดราคาพลังงาน

นายกฯ เศรษฐาเสียรังวัดหลายกระบุง!!

“แม่ลูกจันทร์” ย้ำว่า นโยบายแรกคือลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลทันที

แสดงว่าราคาน้ำมันดีเซลขายปลีก จะต่ำกว่าลิตรละ 31.94 บาท

และจะไม่เกินลิตรละ 32 บาทตลอดไป!!

โดยรัฐบาลต้องยอมกัดฟันลดภาษีน้ำมัน ซึ่งจะทำให้รายได้จากภาษีสรรพสามิตโบ๋ไปอีกก้อนโต

ส่วนการประกาศจะลดค่าไฟฟ้าทันที

แสดงว่าค่าไฟฟ้าจะต้องต่ำกว่ายูนิตละ 4.45 บาท ซึ่งเป็นราคาแพงที่สุดตั้งแต่มีไฟฟ้าใช้ในประ เทศไทย

โดยรัฐบาลเศรษฐาจะขอยืดชำระหนี้คืนการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นล้านบาท) ออกไปก่อนชั่วคราว

...

หนี้ก้อนนี้ไม่ได้หายไป แต่จะเป็นดินพอกหางหมูโตขึ้นทุกวัน!!

ส่วนการประกาศจะลดราคาแก๊สหุงต้มทันที

แสดงว่าราคาแก๊สหุงต้มจะต่ำกว่าถังละ 423 บาท (15 กก.) เพื่อลดภาระรายจ่ายประชาชน

โดยรัฐบาลจะใช้กองทุนน้ำมันไปอุดหนุนราคาแก๊สหุงต้มแก้ขัดชั่วคราว

สรุปว่า แผนการลดค่าไฟฟ้า ลดราคาน้ำมันดีเซล และลดราคาแก๊สหุงต้มทันที

คือรัฐบาลยอมแบกหนี้เสียเอง!!

อย่าลืมวางแผนหารายได้เพิ่มไปใช้หนี้ด้วยนะโยม.

“แม่ลูกจันทร์”

คลิกอ่านคอลัมน์ "สำนักข่าวหัวเขียว" เพิ่มเติม